รวบแล้ว “ไอ้เล็ก” พร้อมเมีย คดีชิงตัว ‘น้องกิ๊ฟ’ ไปล่ามโซ่ -ทารุณ แฉมีคนช่วยทำลายหลักฐาน

ไอ้เล็กจนมุม โดนรวบคากระท่อมนา พื้นที่ ต.ท่าเรือ อ.นาหว้า จ.นครพนม หลังก่อเหตุลักพาตัวสาววัย 18 ไปขัง-ล่ามโซ่ อ้างหึงหวง แฉมีคนช่วยหลบหนี

ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 9 ต.ค.63 ที่ สภ.นาหว้า จ.นครพนม พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม, พ.ต.อ.จตุรงค์ มหิทธิโชติ ผกก.สส.ภ.จว.นครพนม, พ.ต.อ.กิตติพงศ์ พันธ์ศรี ผกก.สภ.นาหว้า ร่วมกับตำรวจชุดสืบสวนภาค 4 และกองปราบปราม ร่วมกันแถลงจับกุม นายปัญญา โกมลศรี หรือเล็ก อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุดังกล่าว พร้อม น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี แฟนสาวที่ร่วมกันก่อเหตุ

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ติดตามตัว นายปัญญา กระทั่งพบว่าหลบหนีไปกบดานในกระท่อมนา พื้นที่ ต.ท่าเรือ อ.นาหว้า จ.นครพนม พร้อมแฟนสาว จึงเข้าจับกุมตัวไว้ได้ ก่อนนำตัวมาสอบปากคำ จากนั้นได้คุมตัวไปตรวจค้นบ้านเช่า และตรวจยึดโซ่คล้องกุญแจ รวมถึงเชือก ที่ใช้รัดอดีตแฟนสาวตามที่ส่งภาพไปข่มขู่ญาติ และยาบ้าอีก 180 เม็ด

พล.ต.ต.ธนชาติ เปิดเผยว่า จากการสอบสวน นายปัญญา ให้การรับสารภาพว่า ที่ทำไปเนื่องจากหึงหวง เพราะเคยอยู่กินกับผู้เสียหายมา 2 ปี ก่อนจะมีปัญหาเรื่องส่วนตัวกัน นายปัญญา ยอมรับว่ามีแฟนหลายคน และได้ดูแลผู้เสียหายมาตลอด แต่กลับพยายามตีตัวออกห่าง จึงเกิดความหึงหวงแล้วก่อเหตุขึ้น

ส่วนภาพถ่ายการทำร้ายร่างกายนั้น นายปัญญา อ้างว่าเป็นภาพเก่าทำเพื่อล้อเล่น แต่ตำรวจตรวจสอบแล้ว ยืนยันว่าเป็นภาพจริงที่เพิ่งมีการก่อเหตุ นอกจากนี้ตำรวจจะได้สืบสวนขยายผลต่อ เนื่องจากมีหลักฐานเชื่อว่าเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติด อีกทั้งยังสามารถตรวจยึดของกลางยาบ้าได้อีก 180 เม็ด โดย นายปัญญา อ้างว่าเป็นของตัวเอง แต่ไม่ได้เสพมีไว้ขายเท่านั้น

เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหาฐานความผิด ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ร่วมกันข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใด ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี ไปเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย

นอกจากนี้ยังสืบทราบว่ามีเจ้าของร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งเป็นลูกพี่ คอยส่งข่าวให้ นายปัญญา หลบหนี ระหว่างพื้นที่ จ.สกลนคร และ จ.นครพนม ส่วนกระท่อมดังกล่าวก็เป็นของเจ้าของร้านคาราโอเกะ หลัง นายปัญญา นำตัวผู้เสียหายหลบหนีไปที่อื่น เจ้าของร้านคาราโอเกะก็ส่งคนเข้าไปทำลายหลักฐานต่างๆ ในกระท่อมนั้น ซึ่งตำรวจจะสอบสวนขยายผลต่อไป

ดูต้นฉบับ