เมียหนังเดียว โพสต์แฉสวน หลังหนังน้องเดียวแถลงข่าว เปิดชื่อภรรยาใหม่

“น้องจิ๊ป” เมียนายหนัง “น้องเดียว” ไม่ทน! หลังผัวตั้งโต๊ะแถลงข่าวปมเงินในบัญชี แฉแหลก ผัวคิดทำลายเมีย

ยังไม่จบง่ายๆ สำหรับเรื่องวุ่นๆในครอบครัวของนายหนังตะลุงตาบอดคนดัง ”น้องเดียว” หรือ นายบัญญัติ สุวรรณแว่นทอง นายหนังตะลุงชื่อดังของภาคใต้ ที่ได้โร่ขึ้นโรงพักสภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช แจ้งความว่า “น้องจิ๊ป” หรือ นางสุนิสา สุวรรณแว่นทอง ภรรยา ได้ขโมยรถไป 2 คัน รวมทั้งสมุดคิวงานด้วย โดยล่าสุด ”น้องเดียว” ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกล่าวหาว่าภรรยา ว่า แอบนำเงินเข้าบัญชีตัวเอง พร้อมยอมรับว่ามีคนใหม่แล้ว ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “น้องจิ๊ป” ได้โพสต์เฟซบุ๊กรัวๆ หลายช็อตติดต่อกัน โดยมีการนำคลิปของ “น้องเดียว” ขณะที่กำลังคุยโทรศัพท์กับผู้หญิงคนใหม่มาลงในเฟซบุ๊ก พร้อมกับระบุว่า “วันหนึ่งมีสักสายไหมที่พ่อจะโทรหาลูก เวลาโทรหาคนอื่นพ่อโทรได้โทรทุกวัน ลูกก็ถามหาพ่อทุกวันไม่มาหาโทรหาก็ยังดี โทรมาหาน้องอลินบ้าง อย่าโทรหาแต่น้องฮันนี่ ว่าแต่น้องฮันนี่คือใคร มีใครอยากรู้จักเขาไหม ทำไมพ่อเดียวต้องโทรหาเขาทุกวันด้วย เดี๋ยวสักวันทุกคนจะได้รู้จักแน่ เขาอุตส่าห์บินตรงมาจาก จ.นครพนม เลยนะให้ทุกคนจำชื่อ “ฮันนี่” ไว้ให้ดีนะ และจับตามองกันให้ดีๆ วันนี้ได้ข่าวว่าเดียวจะแถลงข่าวรอฟังอยู่

ต่อไป รอฟังแถลงข่าวจากเมียนะ แน่ใจนะว่าคุณไม่มีผู้หญิงคนอื่น มาลองกันสักตั้ง ต่อไปนี้ไม่ยอมอยู่เฉยแล้ว เรื่องนี้ไม่จบง่ายแน่ หลักฐานมีพร้อม นายหนังบอกเราทุกอย่างว่านอนกับผู้หญิงคนนั้นกี่ครั้ง ซื้ออะไรให้เขาบ้าง เรามีคลิปทุกอย่าง และนายหนังเคยสาบานกับครูหมอหนังว่าจะหยุดแต่ก็ไม่หยุด

ถามว่ามีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ทนให้สามีตัวเองคุยกับคนอื่น นายหนังจะรับหรือไม่รับก็แล้วแต่ แต่ความจริงก็คือความจริง ทุกคนจับตามองนายหนังให้ดีนะ พอไปมีผู้หญิงคนใหม่พยายามมาเอาของทุกอย่างจากเมียกับลูก แม้แต่คิวรับงานจะเอาไปให้ผู้หญิงคนนั้นดูแลต่อ จะมาขอหย่าบ้างไรบ้าง พอเราไม่ยอมถึงกับโกรธ มันตลกเกินไปแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นคือนายหนังไปมีผู้หญิงคนใหม่ แล้วพยายามเอาข้ออ้างโยนความผิดให้เมีย

ไหนที่ประกาศให้คนได้ยินอยู่ทุกคืนว่า ยอมจนอยู่บนความจริง แล้วทำไมไม่รับความจริง อย่าคิดทำร้ายเราสามแม่ลูกด้วยวิธีสกปรกเลย ผู้หญิงคนนั้นเราก็ไปคุยถึงที่แล้วไปขอให้เขาหยุดแล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมหยุด เราอยู่กันมา 14 ปีแล้ว เราสองคนเริ่มมาจาก 0 เริ่มสร้างครอบครัวกันมา มีลูกด้วยกัน 2 คนแล้ว ตอนที่เจอกันต่างคนต่างไม่มีอะไรเลย ผู้หญิงคนนี้เข้ามาไม่กี่ปีถึงกับต้องทิ้งลูกเมีย และหาความผิดให้เมียเลยเออนายหนัง ใจดำแรงไปหรือไม่ ต่อนี้เงินในครอบครัวเหลือไม่ถึงสองล้านด้วยซ้ำ หลายคนคิดว่าทำงานทุกคืน ครอบครัวเราต้องเหลือเป็นสิบล้านแน่ แต่ที่จริงแต่ละเดือนของนายหนังภาระมากมาย ญาติ พี่ นายหนังทุกคน นายหนังดูแลหมด ยังภาระในครอบครัวเราอีกมากมายแทบไม่เหลือเงินได้เก็บเลย

ผู้หญิงคนใหม่ของนายหนังชื่อ “ฮันนี่” เป็นคน จ.นครพนม เขาจะมาพบกัน จับตาดูกันให้ดีแล้วกัน ถ้า”ฮันนี่”เห็นโพสต์แล้วกรุณาทำตัวให้มิดชิดนะ เวลามากับนายหนังเดียวคนจะเห็น หลักฐานมีอีกเยอะ ถ้าอยากฟังเสียงหรือเห็นหน้า ฮันนี่เเชร์ให้ด้วย(หนังเดียวลวงโลก)

น้องจิ๊ป ยังโพสต์ต่อด้วยว่า ถามจริงถ้ารู้ว่าเมียเอาตางไปจริงแรกปี 57 แล้วทำไมนายหนังยังยอมให้เมียเอาตางไปฝากอยู่ ทำไมไม่ทิ้งไปตั้งแต่ปี 57 พี่สาวนายหนังก็อยู่บ้านติดกัน ทำไมไม่พาน้องออกไปถ้ารู้ว่าเมียไม่ดี พอนายหนังทำงานมาเสร็จ ถ้าตางเหลือมานายหนังจะเอามาให้เมียเป็นคนเก็บ ผู้หญิงถ้าเห็นแก่ตางจริงๆ คงไม่เอานายหนังตอนไม่มีไรเหรอ และจะเกิดลูกถึงสองคนเหรอ อยู่จ่ายตางให้บายไม่ดีกว่าเหรอ อีเอาลูกทำไร คิดแลให้ดีๆตะ

ล่าสุด “น้องจิ๊ป” ได้โพสต์อีกครั้งว่า ทุกคนฟังให้ดีๆนะคลิปนี้ฟังให้หมด วันก่อนเขาถามมีเมียน้อยหรือไม่ บอกไม่มี แต่วันนี้ออกมารับหน้าด้านๆเลยว่ามีเมียน้อย คนลวงโลก ปัญหาเกิดขึ้นจากที่ไปมีเมียน้อยแล้วพยายามแต่งเรื่องอื่นขึ้นมา ถามจริงอายประชาชนที่เขารักคุณไหม มีเมียน้อยแล้วสร้างความผิดให้เมียนี้หรือคนของประชาชน นี้หรือพ่อที่ดีของลูกสร้างเรื่องได้เก่งกว่าเรื่องหนังที่เล่นอยู่อีก มันตลกเกินไปแล้วนายหนังเออ ตลอดเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมาตัดสินใจเลือกใช้ชีวิตกับเขามา รักเขาด้วยใจตลอดมาเขาคือผู้ชายคนแรกในชีวิต

แต่วันนี้เข้าใจแล้วว่าเลือกคนผิด ไปได้เมียใหม่แล้วลืมเมียคนเก่า ของใหม่คงอร่อยหว่าของเก่าใช่มั้ย ที่วันนี้ออกมาเปิดตัวแล้วว่ามีเมียน้อย หมดกันนายหนังเออ ถามใจ ใจทำด้วยอะไรทำได้แม้แต่เด็กตาดำสองคน เป็นพ่อคนแล้วคิดและไตร่ตรองสักหิดตะ จำไว้ว่าคำสาบานจะกลับไปทำลายตัวคุณเองจำไว้ สาบานกับครูหมอหนังที่ตัวเองทำมาหากินอยู่ สาบานเท็จๆใจดีมาพอแล้วกับผู้ชายคนนี้ต่อไปนี้ไม่แล้ว ขนานครูหมอยังไม่อยากอยู่กับเขาเลย.

ขอบคุณภาพจากเพจ Sunisa Niaotrakun อ่านข่าวต้นฉบับ