ออกหมายจับ “น้องชาย” อดีตรองนายก อบจ.สุราษฎร์ฯ ยิง “พี่สะใภ้” ดับแค้น

รู้ตัวมือปืนยิงเมียอดีตรองนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี ที่แท้ “น้องชายสามี” นั่งเก้าอี้รองนายก อบต.ทุ่งเตาใหม่ ศาลอนุมัติจับทันที ขณะที่ตำรวจปิดเมืองเร่งไล่ล่า พบผู้ต้องหาโพสต์ระบายปัญหาแค้นก่อนยิง

จากกรณีมือปืนขี่เก๋งตามประกบยิงนางสุชาวดี อินทรักษ์ อายุ 49 ปี หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาบุคลากร กองการเจ้าหน้าที่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นภรรยานายก่อเกียรติ อินทรักษ์ อดีตรองนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี หลังติดไฟแดงแยกสวนหลวง ถนนโฉลกรัฐ หมู่ที่ 1 ต.บางกุ้ง อ.เมืองสุราษฎร์ธานี 2 นัด ก่อนรถไถลข้ามแยกลงมาจ่อยิงซ้ำ แล้วเร่งเครื่องหลบหนี พบจอดรถทิ้งห่างจุดเกิดเหตุ 2 กม. แล้วคนร้ายหายตัวไป

ล่าสุด (1 ก.ค.) พ.ต.อ.นิพล ชาตรี ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้สอบสวนปากคำบรรดาญาติๆ ของผู้ก่อเหตุ ทราบว่าก่อนเกิดเหตุทั้งหมดได้ไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ ญาติของนายก่อเกียรติ อินทรักษ์ โดยมีผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นน้องชายของนายก่อเกียรติ ได้มาร่วมในพิธีด้วย ซึ่งบุคคลดังกล่าวญาติได้ระบุว่ามีปัญหาด้านสุขภาพจิตอันเนื่องมาจากการใช้ยาเสพติด และอยู่ระหว่างการรักษา ซึ่งสอดคล้องกับที่ผู้ก่อเหตุได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว กล่าวหาแม่ พี่ชาย และพี่สะใภ้ (ผู้เสียชีวิต) ว่ามีความพยายามวางยาเพื่อให้ผู้ก่อเหตุเสียชีวิต เพื่อที่จะกันตนเองออกไปจากการแบ่งมรดกของพ่อ ซึ่งในส่วนนี้ญาติได้อธิบายว่าเป็นความเข้าใจผิดของผู้ก่อเหตุ

โดยระหว่างร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพ ผู้ก่อเหตุได้มีการโต้เถียงกระทบกระทั่งกันทางวาจา กับบรรดาญาติๆ ก่อนจะเดินทางออกไปจากวัด กระทั่งพบการใช้อาวุธปืนก่อเหตุยิงนางสุชาวดี (พี่สะใภ้) เสียชีวิตในเวลาต่อมา

พ.ต.อ.นิพล กล่าวด้วยว่า สาเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้ เชื่อว่าเกิดจากความเข้าใจผิดที่เกิดจากปัญหาด้านสุขภาพจิต และปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว โดยขณะนี้ญาติได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการติดตามตัวผู้ก่อเหตุ แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งคาดว่ายังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่

ต่อมา ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้อนุมัติหมายจับ นายพิษณุ อินทรักษ์ อายุ 47 ปี อยู่ที่ 209 หมู่ที่ 7 ต.ทุ่งเตาใหม่ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี (รองนายก อบต.ทุ่งเตาใหม่) ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุสมควร

บทความต้นฉบับ