พายุไต้ฝุ่นโคนีถล่ม ‘ฟิลิปปินส์’ เสียชีวิตแล้ว 4 ราย-อพยพกว่า 347,000 คน

พายุไต้ฝุ่นโคนีที่มีกำลังแรงที่สุดในรอบปี 2020 ขึ้นฝั่งเกาะลูซอน เมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ พบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย เกิดไฟฟ้าดับ โครงสร้างพื้นฐานได้รับความเสียหายและน้ำท่วมฉับพลัน แต่ล่าสุดอ่อนกำลังลงแล้ว

ซูเปอร์ไต้ฝุ่นโคนี ที่พัดขึ้นฝั่งเกาะลูซอน ซึ่งเป็นเกาะหลักของประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ ตามเวลาท้องถิ่น ด้วยกำลังแรงลมถึง 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักและน้ำท่วมฉับพลันในหลายจังหวัดทางตอนใต้ของเกาะลูซอน

กระแสน้ำที่เชี่ยวกรากที่ล้นเอ่อจากแม่น้ำได้สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือน ล่าสุด มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 4 คน ในเขตบีโกล รวมถึงคนหนึ่งที่ถูกต้นไม้ล้มทับ และอีกรายมีอายุแค่ 5 ปี ที่ถูกน้ำพัดพาไปขณะที่แม่น้ำไหลเอ่อล้นตลิ่ง

ผู้ว่าการจังหวัดเคซอน ในเขตคาลาบาร์โซน กล่าวว่า พายุทำให้ต้นไม้หักโค่น และทำให้ไฟฟ้าดับใน 10 เมือง ประชาชนต้องอพยพประมาณ 347,000 ราย

โฆษกประธานาธิบดี กล่าวว่า ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการรับมือกับพายุจากบ้านพักของเขาที่บ้านเกิดในเมืองดาเวา ทางใต้ของฟิลิปปินส์

เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขเตือนผู้ที่อพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวให้เว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

ในขณะเดียวกันเที่ยวบินหลายสิบเที่ยวทั้งภายในและต่างประเทศต้องยกเลิก หลังจากเจ้าหน้าที่ด้านการบินพลเรือนสั่งการให้ปิดสนามบินนานาชาตินินอย-อาคีโน สนามบินหลักของประเทศ เป็นเวลา 1 วัน

สำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติฟิลิปปินส์ คาดว่า จะมีประชาชนราว 31 ล้านคน เดือดร้อนจากพายุที่มีความรุนแรงมากที่สุด ไม่แพ้ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน ที่คร่าชีวิตชาวฟิลิปปินส์ไปกว่า 6 พัน 300 คนเมื่อปี 2556 คาดว่าไต้ฝุ่นโคนีจะเคลื่อนตัวผ่านตอนใต้ของเกาะลูซอนไปยังทะเลฟิลิปปินส์ในช่วงคืนนี้ หรือเช้าตรู่วันพรุ่งนี้

ขณะที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ ประกาศให้คำมั่นกับประชาชนว่า ราคาข้าวของที่จำเป็นจะไม่มีการขึ้นราคาอย่างแน่นอน และจะจับตามบรรดาพ่อค้าปลีกอย่างเข้มงวดไม่ให้เอารัดเอาเปรียบประชาชนในช่วงที่ผู้คนเดือดร้อนจากซูเปอร์ไต้ฝุ่นลูกนี้ ซึ่งมีความรุนแรงที่สุดในปีนี้

ดูต้นฉบับ