ความอยู่ยงคงกระพัน เป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์อย่างหนึ่ง ความเป็นอมตะ คำว่า “อยู่ยงคงกระพัน” เป็นสิ่งที่หลายคนคงเคยได้ยิน แต่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็แล้วแต่บุคคลล วันนี้มาย้อนเหตุการณ์ เรื่องราวบันทึกลับ “ทองปาน” นักโทษประหารที่ฆ่าไม่ตาย ยิงไม่เข้า แห่งเมืองราชบุรี
เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์จริง ที่เกิดขึ้น ณ อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี มีครอบครัวหนึ่งมีฐานะค่อนข้างยากจน ก็ขวนขวายทำมาหากินรับจ้างทำนาทำสวนโดยไม่เห็นแก่เหน็ดแก่เหนื่อย ฝ่ายสามีชื่อนายทุ่น ภรรยาชื่อลำดวน แม้ว่าชีวิตไม่อาจจะแสวงหาความหรูหราฟุ่มเฟือยได้อย่างคนอื่น แต่ว่าสามีภรรยาคู่นี้ก็มีความสุขตามประสา จนกระทั่งลำดวนตั้งครรภ์พอครบกำหนดก็คลอดลูกคนแรกเกิดมาเป็นผู้ชาย มีร่างกายสมบูรณ์ดี แต่ว่ามีความแปลกประหลาดติดตัวมาตั้งแต่เกิดคือเจ้าหนูน้อยคนนี้มีลิ้นดำ ลักษณะเป็นปานดำแผ่เต็มบริเวณลิ้นทั้งบนทั้งล่าง หมอตำแยที่มาช่วยทำคลอดเป็นคนนำข่าวนี้แพร่ออกไปจึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้าน บางคนก็บอกว่า เด็กคนนี้เป็นกาลกิณีต่อพ่อแม่ แต่ลำดวนก็ไม่ได้สนใจกับคำกล่าวร้ายนั้น เธอรักและอาทรห่วงใยสายโลหิตเหมือนกับแม่ทุกคนที่รักลูกของตัวไม่มีคลอนแคลนเป็นอื่นไปได้
เด็กน้อยได้รับการตั้งชื่อว่า “ทองปาน” และเติบโตขึ้นมาตามวัย จนกระทั่งอายุได้ ๗ ขวบ พ่อกับแม่ก็เกิดมีปัญหากันอย่างรุนแรงถึงขั้นหย่าร้างแยกทางกันเดิน ลำดวนพาทองปานไปอยู่ด้วย ส่วนพ่อก็มีครอบครัวใหม่ ต่อมาลำดวนได้คู่ชีวิตคนใหม่ชื่อ “นายจันทร์” ทั้งสองคนหันมาทำข้าวแกงขายมีรายได้พอเลี้ยงชีพไม่ลำบากขณะที่ลำดวนมีความสุขกับนายจันทร์ เจ้าหนูทองปานต้องเก็บความระทมทุกข์อยู่เงียบๆ เพราะพ่อเลี้ยงไม่ชอบหน้าเขาเอาเสียเลย เวลานั้นทองปานอายุ ๑๐ กว่าปีแล้ว เมื่อพ่อเลี้ยงใช้ให้ทุบหัวปลา หรือว่าเชือดไก่เพื่อเอาไปผัด ไปแกงขายทองปานก็ไม่ยอมทำ เพราะว่าสงสารสัตว์เหล่านั้น พ่อเลี้ยงก็โมโหด่าว่าเฆี่ยนตีเป็นประจำ แม่เองก็พลอยเห็นดีเห็นงามตามไปกับพ่อเลี้ยงด้วย หาว่าทองปานขี้เกียจไม่ช่วยทำมาหากิน ทองปานรู้สึกน้อยใจเสียใจเชื่อว่าแม่สิ้นรักตัวแล้ว เมื่อถูกพ่อเลี้ยงก่นด่าและเฆี่ยนตีหนักเข้า ทองปานจึงหนีออกจากบ้านไปขอทำงานเป็นลูกจ้างอยู่กับเถ้าแก่กิมเจียงซึ่งเป็นเศรษฐีคนหนึ่งที่ อ.ดำเนินสะดวก
ลำดวนได้ตามมาให้กลับบ้าน ทองปานก็ไม่ยอมกลับแม่จึงฝากฝังเอาไว้กับเถ้าแก่กิมเจียง แล้วแม่ก็กลับไป ทองปานเป็นเด็กหัวอ่อนว่านอนสอนง่าย ขยันขันแข็ง เถ้าแก่กิมเจียงจึงรักและเอ็นดูเหมือนหนึ่งเป็นลูกเป็นหลาน ให้ความอุปการะตามความสมควรแก่ฐานะทำให้ทองปานมีความสุขยิ่งกว่าอยู่กับพ่อเลี้ยงและก็แม่ตัว พออายุครบบวช เถ้าแก่กิมเจียงก็บวชให้อยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ครบพรรษาจึงได้สึกออกมา กลับมาทำงานกับเถ้าแก่กิมเจียงผู้มีพระคุณต่อไป เถ้าแก่กิมเจียงมีกิจการเดินรถเมล์โดยสาร กับเรือยนต์ลากจูงขึ้นล่องตามแม่น้ำแม่กลอง นับเป็นธุรกิจที่มีกำไรไม่ใช่น้อย จึงมีคู่แข่งขึ้นมาอย่างเงียบๆ คือ “เสี่ยกัง” ซึ่งเสี่ยกังก็ทำกิจการรถเมล์โดยสาร และเรือยนต์ลากจูงเหมือนกัน เสี่ยกังผู้นี้ออกลายนักเลงมาตั้งแต่เริ่มหนุ่ม เมื่อได้คุมกิจการของครอบครัว เขาก็วางแผนครอบครองสัมปทานเดินรถเมล์โดยสาร และเรือยนต์ลากจูงเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว อาศัยว่ามีเงินและมีลูกน้องประเภทร้ายเอาไว้ใช้สอยหลายคน เสี่ยกังก็เริ่มกลั่นแกล้งบีบคั้นกิจการของฝ่ายเถ้าแก่กิมเจียงอย่างหมดความเกรงใจ
ทำให้เถ้าแก่กิมเจียงเคียดแค้นอย่างสุดจะทน เถ้าแก่จึงเรียกทองปานมาปรึกษาระบายความคับแค้นแน่นอกให้ฟัง แล้วก็ขอให้ทองปานลอบยิงเสี่ยกังเพื่อหยุดยั้งไม่ให้ฝ่ายนั้นกลั่นแกล้งรังควานตนให้ขึ้นกิจการต้องล่มจม พระคุณของเถ้าแก่กิมเจียงที่อุปการะเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กๆ ทำให้ทองปานปฏิเสธไม่ได้ จึงยอมตกปากรับคำเป็นเพชรฌาตปลิดชีวิตเสี่ยกังให้ กิมเจียงจึงหาปืนเถื่อนและกระสุนอีกจำนวนหนึ่งให้ทองปานเอาไปซ้อมยิง กระทั่งมั่นใจว่ายิงคนไม่พลาดแน่ เถ้าแก่กิมเจียงกับทองปานจึงวางแผนสังหารเสี่ยกังกันอย่างแยบยล เพราะว่าการบุกเข้าไปยิงเสี่ยนักเลงคนนี้ซึ่งๆ หน้า ย่อมไม่มีทางสำเร็จ เนื่องจากเสี่ยกังมีลูกน้องที่เป็นมือปืนคอยระแวดระวังรอบตัวหลายคน
ในคืนวันลอบสังหาร คืนนั้นดึกมากแล้ว ทองปานมาปรากฏตัวอยู่ในเงามืดใต้ต้นไม้ใกล้ๆ กับห้องแถวของเสี่ยกัง มีปืนบรรจุกระสุนมาเต็มอัตรา มีกระป๋องใส่น้ำมันเบนซินมากระป๋องหนึ่ง รอจนกระทั่งแน่ใจว่า คนในบ้านนอนหลับกันหมดแล้วก็หิ้วกระป๋องน้ำมันเบนซินย่องไปที่หน้าห้องแถว ราดน้ำมันไปตรงแผงประตูที่เป็นไม้ แล้วจุดไม้ขีดไฟโยนเข้าใส่ ไฟลุกพรี่บขึ้นมาในทันที ทองปานถอยออกมา พลางดึงปืนสั้นที่พกข้างเอวขึ้นมากระชับไว้ในมือ แล้วร้องตะโกนเรียกเสี่ยกัง
“เสี่ยๆ ไฟไหม้ ไฟไหม้หน้าบ้าน” เสียงตะโกนของทองปานได้ผล
เสี่ยกังลุกพรวดพราดด้วยความตกใจที่ไฟไหม้บ้าน จึงวิ่งลงมาจากชั้นบน ตะโกนเรียกคนในบ้านให้ตื่น แล้วลนลานเปิดประตูหน้าบ้านทันที สมุนมือปืนที่อยู่หลังบ้าน เพิ่งจะงัวเงียลุกขึ้น พอประตูหน้าเปิดผาง เสี่ยกังก็เผชิญหน้ากับทองปานที่ยืนถือปืนคอยอยู่แล้ว ทองปานก็เหนี่ยวไกลั่นกระสุนเข้าใส่เสี่ยกัง ๒ นัดซ้อน เสี่ยกังล้มฟาดตรงหน้าประตูทันที แล้วทองปานก็วิ่งหนี ในจังหวะนั้นบ้านใกล้เรือนเคียงได้เสียงร้องตะโกนว่าไฟไหม้ ก็กรูกันออกมาดู พร้อมๆ กับลูกน้องมือปืนของเสี่ยกังที่พรวดออกมาเห็นเจ้านายนอนฟุบจมกองเลือดก็เผ่นตามหามือปืนทันที ทองปานที่ยังอ่อนหัด เมื่อเห็นคนกรูเกรียวกันออกมาก็ตกใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรถือปืนเร่อร่าอยู่กลางถนน สมุนมือปืนเห็นเข้า ก็ระดมยิงเข้าใส่จนทองปานถลาแต่ว่ากระสุนทุกนัดไม่อาจจะทะลวงผ่านเนื้อหนังของเขาเข้าไปได้เลย
แต่กระสุนก็ทำให้ทองปานล้มลง ทองปานจะตะเกียกตะกายลุกขึ้น ชาวบ้านและลูกน้องเสี่ยกังก็กรูมาถึงตัว ทั้งตีทั้งแทงจนทองปานสลบคาที่ แล้วก็ถูกมัดนำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนเสี่ยกังตายคาที่ ทองปานปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เถ้าแก่กิมเจียงก็ตั้งทนายขึ้นสู้ความเต็มที่ แต่พยานหลักฐานทางอัยการแน่นหนากว่า ศาลราชบุรีจึงพิพากษาตัดสินประหารชีวิตทองปานให้ตายตกไปตามกัน
ทองปานถูกส่งตัวมายังเรือนจำกลางบางขวางเพื่อรอการประหาร เขาพยายามทำฎีกาพิเศษเพื่อทูลเกล้าถวายฎีกาขอพระมหากรุณาธิคุณลดโทษจากประหารชีวิตลงมาเป็นตลอดชีวิต แต่ฎีกาพิเศษถูกยกเสีย ดังนั้นทองปานจึงหมดหวังที่จะมีชีวิตรอดต่อไปได้ ทองปานผู้กลายเป็นนักโทษประหารเพราะความกตัญญู รอคอยความตายที่จะมาถึงอย่างเศร้าซึม
ในที่สุดวันประหารชีวิตก็ถูกกำหนดลงมาให้ประหารเวลาเช้ามืดของวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๐ วันนั้นเวลาตีห้า เจ้าพนักงานก็คุมตัวทองปานไปยังแดนประหาร ที่นั่นผู้บัญชาการเรือนจำและเจ้าหน้าที่ต่างๆ ก็มารอคอยอยู่พร้อมแล้ว ทางเรือนจำได้นิมนต์หลวงปู่พลอย วัดบางแพรก มาเทศน์ให้ฟังเป็นครั้งสุดท้าย หลวงปู่พลอยก็นำเอาเรื่องกรรมดีกรรมชั่วมาเทศน์ซึ่งทองปานนั้นก็พนมมือรับฟังอย่างสงบ หลังจากหลวงปู่เทศน์จบลง ทองปานก็ได้ถวายปัจจัย ๒๐ บาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนสุดท้ายที่มีติดตัว
ต่อจากนั้นพนักงานก็ประคองทองปานเข้าหลักประหาร มัดลำตัวข้อศอกตรึงกับไม้กางเขน ในมือก็มีดอกไม้ธูปเทียนพนมเอาไว้ แล้วก็รูดม่านสีน้ำเงินปิดเป็นฉากกั้น เลื่อนเป้าตาวัวที่เป็นเป้าปืนให้ตรงกับตำแหน่งหัวใจ นายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง เพชรฌาตมือหนึ่ง กับนายติ๊บ มียศ เพชรฌาตมือสอง ก็เข้าประจำที่ นายเหรียญปรับศูนย์ปืนกลแบล็คมันด์บนแท่นเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าแผนกผู้คุมก็ชูธงแดงขึ้นเป็นสัญญาณเตรียมยิงทันทีที่ธงแดงถูกตวัดลง นายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง ก็กดไกปืนกลแบล็คมันด์ทันที กระสุนทั้งชุดก็พุ่งทะลวงผ่านเป้าตาวัวเข้าไปอย่างแม่นยำ แต่น่าอัศจรรย์ยิ่งที่กระสุนไม่ระคายผิวหนังของทองปานแม้แต่นัดเดียว หัวหน้าแผนกควบคุมก็โบกสัญญาณธงแดงอีกครั้ง เพื่อให้นายติ๊บ มียศ เพชรฌาตมือสองประหารต่อ นายติ๊บก็ลั่นไกปืนกลแบล็คมันด์กระบอกที่ ๒ จนหมด แต่กระสุนชุดที่ ๒ ก็ไม่สามารถปลิดชีวิตทองปานได้อีก
หัวหน้าแผนกควบคุมจึงเข้าไปรายงานต่อผู้บัญชาการว่า ทองปานอยู่ยงคงกระพันยิงไม่เข้า ผู้บัญชาการก็สั่งให้เพชรฌาตทั้งสองยิงซ้ำอีกคนละชุด ผลปรากฏออกมาเหมือนเดิมคือยิงทองปานไม่เข้า คราวนี้ผู้บัญชาการก็เข้าไปสอบถามทองปานด้วยตัวท่านเอง บอกว่า “นายทองปาน เธอมีเครื่องรางของขลังอะไรอยู่ในตัว” ทองปานก็ตอบว่า
“ไม่มีอะไรเลยครับ ผมมีลิ้นดำมาแต่กำเนิดเท่านั้นเอง”
ผู้บัญชาการจึงสั่งให้พักการประหารไว้ก่อน แล้วทำรายเหตุงานเรื่องราวยื่นเสนอต่อพระกล้ากลางสมร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ในสมัยนั้น ส่วนตัวทองปานก็ได้รับการปลดพันธนาการออก แล้วก็นำตัวมาอยู่ที่ตึกบัญชาการ ๗ ชั้นอีกครั้ง เพื่อรอคำสั่งต่อไป สภาพของทองปานมีอาการบอบช้ำอย่างหนักที่กลางแผ่นหลัง แม้ว่าเขาจะหนังเหนียวยิงไม่เข้า แต่ว่าแรงปะทะของหัวกระสุนที่ทะลุเสื้อเข้าไปกระแทกอย่างเต็มอานุภาพ ก็ทำให้เกิดอาการช้ำเป็นปื้นสีม่วงปูดบวมเป่งออกมาตรงแผ่นหลัง แม้ว่าทองปานจะดีอกดีใจที่รอดตายมาได้จากการประหารครั้งแรก แต่เขาก็ไม่รู้หรอกว่าโอกาสที่จะดำรงชีวิตอยู่ต่อไปนั้นไม่มีอีกแล้ว เพราะว่ากรมราชทัณฑ์ได้ระบุกฎข้อบังคับเอาไว้ว่า
“ถ้านักโทษประหารคนใด คงกระพันชาตรี ยิงไม่เข้า ก็ให้ประหารชีวิตด้วยสันขวาน โดยให้ใช้สันขวานทุบศีรษะ ให้ตายตกไปตามกัน”
แต่ว่าดวงชะตาของทองปานยังไม่ถึงฆาตจริงๆ เย็นวันนั้นทางรัฐบาลได้มีประกาศ พระราชทานอภัยโทษในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๘ คือวันที่ ๒๐ กันยายน ผู้ต้องโทษประหารชีวิตก็เหลือเพียงตลอดชีวิต ทองปานถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความปิติยินดีสุดขีด ที่เขารอดมาได้เหมือนปาฏิหาริย์ด้วยพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้า ทองปานได้รับการลดโทษเหลือตลอดชีวิตและเขาได้ประพฤติตัวเป็นนักโทษชั้นดีมาตลอด และได้รับการลดโทษลงเรื่อยๆ กระทั่งได้รับอิสรภาพอีกครั้งหนึ่ง หลังจากพ้นโทษแล้วทองปานก็ตัดสินใจบวชเป็นพระภิกษุ แล้วก็ไม่สึกตราบชั่วชีวิต
นี่คือเรื่องมหัศจรรย์ของคนที่อยู่ยงคงกระพัน โดยที่ไม่มีอานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์ของเครื่องรางของขลัง หรือว่าวัตถุมงคลคุ้มครองตัวเองแม้แต่อย่างเดียว นอกจากมีลิ้นดำมาแต่กำเนิดเท่านั้น เป็นเรื่องเหลือเชื่อแต่เป็นเรื่องจริงที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งอีกเรื่องหนึ่ง
ขอบคุณภาพประกอบ ข้อมูลจาก : เฟสบุ๊ค โป้ง คับป๋ม
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ มีชาติกำเนิดในสกุล “หนูศรี” เดิม ชื่อ ดู่ เกิดเมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๗ ตรงกับวันศุกร์ขึ้น ๑๕ ค่ำ… อ่านเพิ่มเติม..
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ของทุกปี เขาถือว่าเป็น "วันดื่มไวน์แห่งชาติ" (National Drink Wine Day) วันสำคัญเพื่อเฉลิมฉลอง ผ่อนคลายให้กับเครื่องดื่มที่สุดแสนละมุนนี้ เตรียมตัวเฉลิมฉลอง มนุษย์ได้เพลิดเพลินกับไวน์มาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว ความคล้ายคลึงตามธรรมชาติของเครื่องดื่มนี้ไม่เพียงเพราะมีรสชาติที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะคุณค่าทางโภชนาการและผลต่อจิตประสาท… อ่านเพิ่มเติม..
ขอเชิญพุทธศาสนิกชน เข้าสักการะ พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรหันตธาตุของ พระสารีบุตร และโมคคัลนะ อัญเชิญประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล จังหวัดกระบี่ ระหว่างวันที่ 15 – 18… อ่านเพิ่มเติม..
ท่านพระฉันนะ เป็นผู้ที่เกิดวันเดียวกับพระพุทธเจ้า เป็นสหชาติทั้ง ๗ คือเป็น ๑ ใน ๗ ที่เกิดพร้อมกับพระพุทธเจ้า เติบโตมาด้วยกัน และก็เป็นสหายเพื่อนเล่น และก็ทำหน้าที่คอยรับใช้พระโพธิสัตว์มาตลอด ในวันที่พระโพธิสัตว์ออกมหาภิเนษกรมณ์ คือออกบวช นายฉันนะก็ติดตามไปด้วย… อ่านเพิ่มเติม..
ตำรวจไซเบอร์ – บช.สอท. ออกมาเตือนภัย คนใช้ iPhone ต้องอ่าน ‼️ ⚙️วิธีตั้งค่าเพื่อป้องกันแอปฯ ดูดเงิน 📱ทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่ 2 ขั้นตอน… อ่านเพิ่มเติม..
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำสนามบิน แจ้งข่าวดี! พบ นกกระเรียนพันธุ์ไทย จับคู่ทำรังวางไข่ 5 คู่ หลังจากสูญพันธุ์ไป 50 ปี เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำสนามบิน ระบุ "ฤกษ์งามยามดี เดือนมกราคม ปี… อ่านเพิ่มเติม..
This website uses cookies.