เกจิอาจารย์ขลัง ศิษย์สำนักเขาอ้อ “พ่อท่านแปลก เคราเหล็ก” วัดปากปรน จ.ตรัง

7035
views
พ่อท่านแปลก เคราเหล็ก

“สำนักเขาอ้อ” ปรากฏชื่อเสียงมานานนับพันปีตั้งแต่สมัยโบราณครั้นมาถึงสมัยศรีวิชัยเจ้าเมืองแต่ละเมืองนิยมส่งบุตรหลานไปศึกษาเล่าเรียนเป็นศิษย์ของสำนักนี้จนกล่าวได้ว่าสำนักเขาอ้อเป็นตักสิลาของไสยเวทย์ที่มีประวัติสืบทอดมายาวนานที่สุดศิษย์ของสำนักเขาอ้อแต่ละท่านจัดได้ว่าเชี่ยวชาญแตกฉานในวิชาศาสตร์แขนงต่างๆอย่างลึกซึ้งบวกผสมผสานกับหลักธรรมด้านสมถะและวิปัสนากัมมัฎฐานหลักคำสั่งสอนทางพระพุทธศาสนาเข้าด้วยกันถึงกาลเวลาจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยก็ตามเหตุที่ทำให้”สำนักเขาอ้อ” ตั้งอยู่ได้ยาวนานและมั่นคงอันเนื่องมาจากกฏระเบียบของ”สำนักเขาอ้อ” ที่มีความเข้มงวดในการคัดเลือกศิษย์และศิษย์ที่ถูกคัดเลือกเข้าไปก็ปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดตามกฏของสำนัก

ประวัติ พ่อท่านแปลก เคราเหล็ก วัดปากปรน จังหวัดตรัง

ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์สายเขาอ้อซึ่งเป็นที่นับถืออย่างยิ่งของชาวตรังและชาวภาคใต้ แม้บางครั้งวัดที่จำวัดอยู่จะมีพ่อท่านอยู่เพียงแค่องค์เดียวเนื่องจากสถานที่ตั้งอยู่ห่างไกลทุรกันดารและผู้คนที่อาศัยอยู่รายรอบส่วนใหญ่จะเป็นชาวไทยมุสลิมแต่พ่อท่านก็ยังยืนหยัดครองผ้าเหลืองมาจนถึงเวลานี้ถึง๔๕พรรษาในวัย๗๗ปีด้วยความสมถะวิเวกเรียบง่ายน่านับถือพร้อมทั้งยังมีอภินิหารและแก่กล้าพุทธาคมอย่างยิ่งยวด

พ่อท่านแปลก เคราเหล็ก

“พ่อท่านแปลก “หรือ” พระครูสุเวชโกศล” เจ้าอาวาสวัดปากปรนอำเภอหาดสำราญจังหวัดตรัง เกิดที่บ้านร่มเมืองอำเภอเมืองจังหวัดพัทลุงเมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๗๘ โยมบิดาชื่อ “ปานชูเท้า” โยมมารดาชื่อ”คุ้มชูเท้า” เมื่อวัยเยาว์ได้ช่วยทางบ้านประกอบอาชีพทำนาจนมีอายุครบบวชจึงได้อุปสมบทที่วัดกลางอำเภอเมืองจังหวัดพัทลุงเพื่อศึกษาธรรมและได้เรียนรู้วิชาไสยศาสตร์ด้วยจึงเกิดความสนใจวิชาเวทมนต์และคาถาอาคมต่างๆกระทั่งเมื่อไปพบ “หลวงพ่อปานปาลธัมโม” วัดเขาอ้อจึงได้เรียนวิชาการต่างๆอย่างมากมาย

หลวงพ่อปานปาลธัมโมหลวงพ่อปานปาลธัมโม

"พระอาจารย์นำชินวโร" แห่งวัดดอนศาลา“พระอาจารย์นำชินวโร” วัดดอนศาลา

เมื่อออกพรรษาทางบ้านได้ให้ให้ลาสิกขามาช่วยทำนาต่อไปจึงต้องสละเพศบรรพชิตทั้งที่จิตใจฝักใฝ่จะอยู่ต่อแต่ก็ยังไปแสวงหาอาจารย์เรียนรู้วิชาทางไสยศาสตร์อยู่เสมอจนพบกับ”พระอาจารย์นำชินวโร” แห่งวัดดอนศาลาจึงได้รับการชี้แนะแนวทางเวทมนต์และวิทยาคมมากมายแม้ต่อมาพ่อท่านจะมีครอบครัวแต่เมื่ออายุ๓๓ปีได้เกิดความเบื่อหน่ายชีวิตทางโลกเพราะมีจิตใจใคร่ทางธรรมอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกจึงตัดสินใจอุปสมบทอีกครั้งเมื่อวันที่๑๗กรกฎาคม๒๕๑๐ณวัดควนขี้แรดจังหวัดพัทลุงโดยมี”พระครูมุทิตานุรักษ์” วัดท่าแคเป็นพระอุปัชฌาย์”พระครูนิเทศน์ธรรมวินัย” วัดท่าแคเป็นพระกรรมวาจาจารย์และ”พระมหาผัน” วัดโคกโพธิ์เป็นพระอนุสาวนาจารย์โดยได้รับฉายาว่า”ปุสฺสเทโว”

พ่อท่านแปลก เคราเหล็ก

ทั้งนี้หลังจากจำวัดได้๑พรรษาพ่อท่านได้ขอย้ายไปอยู่ที่วัดดอนปรังวัดควนโตนดและวัดบางขันจังหวัดพัทลุงเพื่อค้นคว้าเรียนวิชาสายเขาอ้อกับ”หลวงพ่อปาน” อีกครั้งหนึ่งจนเกิดความชำนาญและสามารถปฏิบัติได้เห็นจริงจึงออกธุดงค์เพื่อหาความสงบวิเวกภายในป่าบนเทือกเขาบรรทัดรอยต่อระหว่างจังหวัดตรังกับพัทลุงเพื่อฝึกจิตให้กล้าแข็งจนถึงพ.ศ.๒๕๑๒

หลังจากนั้นพ่อท่านจึงออกธุดงค์อีกครั้งมาจนถึงวัดปากปรนจังหวัดตรังโดยพบว่าเป็นวัดร้างไม่มีพระอยู่มีเพียงกุฏิเก่าๆและศาลาผุพังกับป่ารกทึบในยุคสมัยที่ยังมีวัดเพียงแค่แห่งเดียวในอำเภอขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็นับถือศาสนาอิสลามพ่อท่านจึงได้จำพรรษาปฏิบัติธรรมอยู่ณวัดแห่งนี้เพียงองค์เดียวโดยระหว่างนั้นเริ่มมีชาวบ้านผ่านมาเข้าไปกราบนมัสการและเริ่มรู้จักมากขึ้นเพราะพ่อท่านได้นำตำรารักษาโรคและตำรับเวทมนต์จากถ้ำวัดในเขาจังหวัดพัทลุงมาช่วยรักษาชาวบ้านที่เจ็บป่วยด้วยสมุนไพรพื้นบ้าน

“พ่อท่านแปลก” ได้รับการกล่าวขานในเวลาต่อมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะวิชาคาถาอาคมและไสยศาสตร์ที่ได้ร่ำเรียนมาจากสำนักเขาอ้อที่ก่อให้เกิดความอัศจรรย์ขึ้นหลายต่อหลายครั้งเช่นหลายคราวที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักแต่กลับไปถูกจีวรของพ่อท่านเลยแม้แต่เม็ดเดียวอันเนื่องมาจากตะกรุดและคาถา”ฝนแสนห่า” ที่ส่งผลให้มีพุทธคุณปกป้องคุ้มครองกายหรือแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งหลายทั้งปวงแต่หากไม่ฝึกปฏิบัติทางจิตอย่างจริงๆจังๆจนเข้มแข็งแล้วก็จะไม่สามารถทำได้ตามตำรา

พ่อท่านแปลก เคราเหล็ก

นอกจากนั้นยังมีการพูดถึงคาถา”อาบน้ำในกา” ซึ่งเป็นวิชาช่วยย่นหนทางและย่อกายจนทำให้พ่อท่านสามารถสรงน้ำได้โดยไม่ต้องลุกขึ้นไปห้องน้ำหรือไม่ต้องสรงน้ำเป็นเวลานานๆได้โดยที่ไม่มีกลิ่นกายแต่ผิวพรรณราศรียังผ่องใสเปล่งปลั่งดูสะอาดรวมทั้งคาถา”ปืนยิงไม่ออก” ที่เลื่องลือมานานแล้วแต่ไม่ว่าเรื่องราวของพ่อท่านจะโด่งดังมากมายขนาดไหนพระเกจิอาจารย์ผู้เข้มขลังและปฏิบัติดีปฏิบัติชอบรูปนี้ยังคงถือสันโดษและปฏิบัติธรรมด้วยการพิจารณา”อสุภะกรรมฐาน” อยู่เป็นเนืองนิตย์พร้อมทั้งยังมีกระแสจิตแก่กล้าแต่มีความเมตตาเป็นเลิศ

พ่อท่านแปลก เคราเหล็ก

อย่างไรก็ตามหนึ่งในเรื่องราวสำคัญของจังหวัดตรังที่เกิดขึ้นเมื่อเทศกาลสงกรานต์ปี๒๕๕๐หรือเมื่อ๗ปีที่แล้วก็คือเหตุการณ์น้ำป่าถล่มน้ำตกสายรุ้งและน้ำตกไพรสวรรค์จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง๓๘ศพเพียงแต่รายสุดท้ายที่เป็นหญิงสาววัย๓๑ปีชาวตำบลบางดีอำเภอห้วยยอดจังหวัดตรังนั้นไม่สามารถพบร่างได้แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะระดมกำลังค้นหาต่อเนื่องกันมาหลายวันและเป็นระยะทางยาวไกลนับสิบๆกิโลเมตรแต่หลังจากที่มีการนิมนต์”พ่อท่านแปลก” ไปทำพิธีบูชาเจ้าป่าเจ้าเขาเพียงแค่ฮึดใจก็สามารถค้นพบศพของหญิงสาวเคราะห์ร้ายในพื้นที่ตำบลโพรงจรเข้อำเภอย่านตาขาวโดยอยู่ห่างจากจุดที่เกิดเหตุเพียงแค่ไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น

ขณะที่วัตถุมงคลที่พ่อท่านได้ปลุกเสกเอาไว้หลายต่อหลายรุ่นเพื่อนำเงินมาก่อสร้างศาสนสถานต่างๆภายในวัดปากปรนนั้นผู้ที่ได้ไปต่างก็มีประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์อย่างมากมายโดยเหรียญรุ่นแรกที่สร้างเมื่อพ.ศ.๒๕๓๘เป็นเหรียญทองแดงรมน้ำตาลรูปไข่ต่อจากนั้นก็ยังมีการสร้างล็อกเกตรูปพ่อท่านรวมทั้งรูปหล่อเนื้อเซลลิก้าผสมผงหน้าตัก๕นิ้วรูปหล่อเนื้อทองเหลืองหน้าตัก๒นิ้วแหวนพิรอดสายคาดเอวและผ้ายันต์โดยวัตถุมงคลรุ่นล่าสุดนั้นเป็นรูปเหมือนพิมพ์เตารีดเนื้อทองคำเนื้อเงินเนื้อนวโลหะและเนื้อทองแดงที่สร้างขึ้นเพื่อก่อตั้ง”มูลนิธิดุษฎีบุญเพื่อการศึกษา” ซึ่งมีพ่อท่านเป็นประธานอุปถัมภ์

พ่อท่านแปลก เคราเหล็ก

นอกจากนั้นพ่อท่านยังได้รับการนิมนต์ไปร่วมปลุกเสก”จตุคามรามเทพ” รุ่นแรกของ”ขุนพันธ์” หรือ”พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช” มือปราบผู้โด่งดังที่จังหวัดนครศรีธรรมราช รวมทั้งยังได้เดินทางไปร่วมปลุกเสกวัตถุมงคลอีกมากมายทั้งในภาคใต้และทั่วทั้งประเทศเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า๑๐๐รุ่นแต่ถึงแม้เวลานี้กระแสพระเครื่องโดยเฉพาะ”จตุคามรามเทพ” จะเบาบางลงไปมากแต่ที่วัดของพ่อท่านซึ่งตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองตรังไปกว่า ๖๐กิโลเมตรกลับยังคงมีผู้คนที่เลื่อมใสศรัทธาจากทั่วทุกสารทิศเดินไปกราบนมัสการไม่เคยขาดและพ่อท่านก็ให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเองด้วยรอยยิ้มอันมีไมตรีจิตไม่ว่าผู้นั้นจะมีหน้าที่การงานหรือมีฐานะอย่างไร

ถือเป็นอีกสุดยอดพระเกจิอาจารย์ที่น่านับถือยิ่ง ขอบคุณข้อมูล