โจ๋สุราษฎร์ฯซ่าหนัก! ดวลปืนสนั่นหน้าผับดัง กลางเมือง เจ็บ1

1606
views
ดวลปืนสนั่น

สุราษฎร์ธานี-โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 03.20 น. วันนี้ (27ธ.ค.62) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานีได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทักษิณ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนในตัวเมืองสุราษฎร์ธานีว่ามีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บเข้ามารักษาตัวและมีกลุ่มวัยรุ่นคู่อริติดตามมาจะก่อเหตุภายในโรงพยาบาลขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งมาดูแลป้องกันเหตุ

ดวลปืนสนั่น

ต่อมาตำรวจสายตรวจจักรยานยนต์ที่อยู่ใกล้เข้าระงับเหตุ เมื่อกลุ่มวัยรุ่นเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แยกย้ายกันหลบหนี จากการสอบถามนายปณวัฒน์ น้อยโพธิ์งาม อายุ 20 ปี ผู้บาดเจ็บที่ถูกยิงที่บริเวณลำตัวด้านซ้าย บอกว่าเหตุเกิดที่บริเวณลานจอดรถหน้าผับลิซซึ่ม เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี

ทางพนักงานสอบสวนจึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถยนต์ 2 คันจอดอยู่ในลานจอดรถถูกลูกหลงกระสุนปืนได้รับความเสียหายโดยคันที่ 1 เป็นรถกระบะยี่ห้อเซฟโรเล็ตสีม่วงหมายเลขทะเบียน ผจ 1364 สุราษฎร์ธานี ถูกกระสุนปืนจำนวน 2 นัดที่บริเวณกระจกด้านข้างและตัวเก๋งด้านล่าง

ส่วนคันที่ 2 เป็นรถกระบะโตโยต้า 4 ประตูสีบรอนด์เงิน หมายเลขทะเบียน กล 6057 นครศรีธรรมราช ถูกกระสุนปืนที่แก้มรถด้านซ้ายจำนวน 2 แห่ง ใกล้กับรถโตโยต้าพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ที่ยิงแล้วจำนวน 4 ปลอกและพบหัวกระสุนปืนในที่เกิดเหตุจำนวน 4 หัว

ดวลปืนสนั่น

จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่ามีกลุ่มวัยรุ่น 2 กลุ่มที่เข้ามาหาเที่ยวในผับดังกล่าวจากนั้นเกิดเขม่นกันต่อมาเมื่อผับเลิกก็มาเปิดฉากชกต่อยกันขึ้นที่บริเวณข้างรถกระบะโตโยต้าในลานจอดรถโดยคู่กรณีได้ชักปืนยิงใส่กันจำนวนหลายนัดจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ในเบื้องต้นทราบว่ากลุ่มผู้บาดเจ็บเป็นกลุ่มวัยรุ่นมาจากอำเภอพุนพิน จำนวน10 คน

ส่วนคู่กรณี เป็นวัยรุ่นจากอำเภอกาญจนดิษฐ์จำนวนพอๆกัน ตอนชกต่อยการ์ดได้เข้าห้ามปราม เมื่อฝ่ายผู้บาดเจ็บเดินมาที่ลานจอดรถอีกด้านหนึ่งคู่กรณียังเดินตามมาและเกิดการชกต่อยกันขึ้นอีกและถูกคู่กรณีชักปืนขนาด 9 มม.ยิงใส่นายปณวัฒน์ ผู้บาดเจ็บ นายปณวัฒน์ จึงได้ชักปืนลูกโม่ขนาด.38 ยิงใส่คูกรณีจึงเปิดฉากดวลปืนกันขึ้นก่อนแยกย้ายกันหลบหนี

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ทราบคู่กรณีผู้ใช้ปืนขนาด 9 มม.ชื่อนายสันติ ผดุงวงศ์ทางเจ้าหน้าที่จะ
ได้ติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป ส่วนตัวนายปณวัฒน์ ผู้บาดเจ็บทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบหาเขม่าดินปืนเพื่อเป็นหลักฐานดำเนินคดีต่อไป.

ดูข่าวต้นฉบับ