การเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์โลก โครงกระดูกของสัตว์ที่เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ..

2960
views
การเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์โลก

เรื่อง “เพียง ๑ กัป จิตดวงหนึ่งๆ เกิดตายในสังสารวัฏ จะมีกองกระดูกท่วมภูเขาเวปุลละ”
(พระไตรปิฎก พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย)

พุทธ

๐ ปุคคลสูตร ๐ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏ เขตพระนครราชคฤห์ ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อบุคคลหนึ่งท่องเที่ยวไปมาอยู่ตลอดกัปหนึ่ง พึงมีโครงกระดูก ร่างกระดูก กองกระดูก ใหญ่เท่าภูเขาเวปุลละนี้

ถ้ากองกระดูกนั้นพึงเป็นของที่จะขนมารวมกันได้ และกระดูกที่ได้สั่งสมไว้แล้ว ก็ไม่พึงหมดไป ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯลฯ พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้ ฯ

สังสารวัฏ

พระผู้มีพระภาคพระสุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถาประพันธ์ต่อไปว่า เราผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ได้กล่าวไว้ดังนี้ว่า กระดูกของบุคคลคนหนึ่งที่สะสมไว้กัปหนึ่ง พึงเป็นกองเท่าภูเขา ก็ภูเขาที่เรากล่าวนั้น

คือ ภูเขาใหญ่ ชื่อ “เวปุลละ” อยู่ทิศเหนือของภูเขาคิชฌกูฏ ใกล้เมืองราชคฤห์ อันมีภูเขาล้อมรอบเมื่อใดบุคคลเห็นอริยสัจ คือทุกข์ เหตุเกิดแห่งทุกข์ ความล่วงพ้นทุกข์ และอริยมรรคมีองค์ ๘

อันยังสัตว์ให้ถึงความสงบสุขด้วยปัญญาอันชอบ เมื่อนั้น เขาท่องเที่ยว ๗ ครั้งเป็นอย่างมาก ก็เป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ เพราะสิ้นสังโยชน์ทั้งปวง ดังนี้แล

ที่มา : พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

พุทธ

จากพุทธดำรัสที่ทรงแสดงให้พระภิกษุในครั้งพุทธกาลที่ปรากฏในพระสูตรต่าง ๆ นี้ จะเห็นว่าการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์โลกนั้นยาวนาน จนเรามาสามารถที่จะล่วงรู้เบื้องต้นและเบื้องปลายได้เลยว่า เรามีจุดเริ่มตั้งแต่เมื่อไร และจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน

แต่ที่ทราบแน่ชัดคือเราเกิดมาแล้วนับภพนับชาติไม่ถ้วน เคยบังเกิดมาในภพภูมิต่าง ๆ และเคยเป็นอะไรมาแล้ว ต่าง ๆ นานา ขึ้นกับกรรมที่เราและสัตว์ที่เกิดในภพภูมิต่าง ๆ ได้กระทำไว้

ดังนั้นชีวิตในปัจจุบันของเราและแต่ละท่านไม่ใช่ของใหม่เลย เพราะเราเป็นมาสารพัดแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราเป็นอยู่นี้ก็ไม่ได้แปลกใหม่เลย ดังนั้นเราจึงไม่ควรไปยึดมั่นถือมั่นอะไรเลย

รอยพระพุทธบาท คลองพนม

เพราะสิ่งทั่งหลายไม่แน่นอน ไม่คงทนถาวรเราไม่สามารถฉุดรั้งอะไรไว้ได้ ยิ่งยึดมั่นถือมั่นก็จะพบแต่ความทุกข์อยู่ร่ำไป และหากไม่เข้าใจถึงความเป็นจริงของชีวิตนี้ก็ย่อมวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏนี้ ต้องลำบากต้องทนทุกข์เวียนว่ายตายเกิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

แต่สำหรับผู้มีปัญญา เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เห็นความไม่เที่ยงแท้ไม่ยั่งยืนในสิ่งทั้งหลาย ก็จะบังเกิดความเบื่อหน่าย และหาทางที่จะไม่ต้องอยู่ในวังวนแห่งความทุกข์ที่ไม่มีที่สุดนี้ได้ในที่สุด

แต่หากยังไม่เห็นความจริงในสิ่งเหล่านี้ยังคงเพลิดเพลินกับสิ่งที่เราเองก็เคยเป็น เคยพบและเคยลองมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ก็คงต้องเตรียมตัวเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนต่อไป