เรื่องเล่าที่สืบทอดกันมาร่วม ๔๐๐ ปี ว่ากันว่า เมื่อครั้งหลวงพ่อทวดเดินทางจากสงขลาไปยังกรุงศรีอยุธยาด้วยเรือสำเภา ระหว่างเดินทางเกิดคลื่นลมแรง ต้องลอยลำอยู่กลางทะเลจนน้ำจืดหมด หลวงพ่อทวดจึงได้แสดงอภินิหารเอาเท้าเหยียบน้ำทะเล กลายเป็นน้ำจืด ให้ลูกเรือใช้ดื่มกินในระหว่างการเดินทาง
บ่อน้ำจืดธรรมชาติในทะเลตั้งอยู่ที่เกาะนุ้ย เป็นเกาะเล็กๆไม่ห่างจากชายฝั่ง ตั้งอยู่ที่ตำบลท้องเนียน อำเภอขนอม นครศรีธรรมราช บ่อน้ำจืดนี้มีมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางโดยประมาณ ๗๐ ซ.ม. มีลักษณะเป็นบ่อธรรมชาติขนาดเล็กซึ่งจะปรากฏให้เห็นต่อเมื่อเวลาน้ำทะเลลดระดับลง
มีความมหัศจรรย์คือแม้จะอยู่กลางทะเล แต่ก็เป็นบ่อกลายเป็นน้ำจืด ชิมแล้วมีรสชาติจืดถึงกร่อย เกิดจากรอยแตกของชั้นหินที่ต่อกับตาน้ำจืดใต้พื้นดิน เมื่อยามน้ำลดน้ำจืดจะดันตัวนำน้ำทะเลออกจนหมดเหลือแต่น้ำจืด ส่วนชาวบ้านแถบนี้เชื่อว่า บ่อน้ำจืดนี้คือบริเวณที่ “หลวงปู่ทวด”เคยมาเหยียบน้ำทะเล ให้กลายเป็นน้ำจืดตามตำรา
หลวงปู่ทวด หรือ สมเด็จเจ้าพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์ หรือ สมเด็จเจ้าพะโคะ นั้นเป็นที่รู้จักกันดีในประเทศไทยจากตำนานท้องถิ่นในฐานะพระศักดิ์สิทธิ์ที่มีอิทธิปาฏิหาริย์และอภิญญาแก่กล้าจนได้สมญาว่า“หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด” โดยที่มาของสมญานามอันลือลั่นของท่าน มีที่มาดังนี้
ขณะที่สมเด็จเจ้าพะโคะกลับจากกรุงศรีอยุธยาได้ประจำพรรษาอยู่ ณ วัดพะโคะครั้งนี้คาดคะเนว่าท่านมีอายุกาลถึง ๘๐ ปีเศษ
อยู่มาวันหนึ่งท่านถือไม้เท้าศักดิ์ประจำตัวไม้เท้านี้มีลักษณะคดไปมาเป็น ๓ คด ชาวบ้านเรียกว่า “ไม้เท้า ๓ คด” ท่านออกจากวัดมุ่งหน้าเดินไปยังฝั่งทะเลจีน และขณะที่ท่านเดินเล่นรับอากาศทะเลอยู่นั้นได้มีเรือโจรสลัดจีนแล่นเลี่ยบชายฝั่งมาพวกโจรสลัดจีนเห็นสมเด็จเดินอยู่ คิดเห็นว่าเป็นคนประหลาดเพราะท่านครองสมณเพศ
พวกโจรจึงแวะเรือเข้าขึ้นฝั่งนำเอาท่านลงเรือไปเมื่อเรือโจรจีนออกจากฝั่ง ไม่นานเหตุมหัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้น คือเรือลำนั้นจะแล่นต่อไปไม่ได้ต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่พวกโจรจีนได้พยายามแก้ไขจนหมดความสามารถเรือก็ยังไม่เคลื่อนจึงได้จอดเรือนิ่งอยู่ ณ ที่นั่นเป็นเวลาหลายวันหลายคืน
ที่สุดน้ำจืดที่ลำเลียงมาบริโภคในเรือก็ได้หมดสิ้น จึงขาดน้ำดื่มและหุงต้มอาหารพากันเดือดร้อนกระวนกระวายด้วยการกระหายน้ำเป็นอย่างยิ่ง สมเด็จท่านสังเกตเห็นเหตุการณ์ความเดือดร้อนของพวกเรือ ถึงขั้นที่สุดแล้วท่านจึงเหยียบกราบเรือให้ตะแคงต่ำลง แล้วยื่นเท้าเหยียบลงบนผิวน้ำทะเลทั้งนี้ย่อมไม่พ้นความสังเกตของพวกจีนไป
เมื่อท่านยกเท้าขึ้นจากผิวน้ำทะเลแล้ว ก็สั่งให้พวกโจรจีนตักน้ำตรงนั้นขึ้นมาดื่มชิมดู พวกจีนแม้ไม่เชื่อก็จำเป็นต้องลอง เพราะไม่มีทางใดที่จะช่วยตัวเองได้แล้ว
แต่ได้ปรากฏว่าน้ำทะเลเค็มจัดที่ตรงนั้นแปรสภาพเป็นน้ำจืด เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก พวกโจรสลัดจีนได้เห็นประจักษ์ในคุณอภินิหารของท่านเช่นนั้น ก็พากันหวาดเกรงภัยที่จะเกิดแก่พวกเขาต่อไป จึงได้พากันกราบไหว้ขอขมาโทษแล้วพาท่านล่องเรือส่งกลับขึ้นฝั่งต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือ “สืบสายพระโพธิญาณ สานปณิธานพระโพธิสัตว์”