ในบางครั้งเราก็ต้องพึ่งพาขอบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ในยุคปัญหาเศรษฐกิจแบบนี้ การมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้บูชาก็ถือว่าเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ เป็นกำลังใจให้ต่อสู้กันไป
สิ่งของที่นำมาบูชา ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาว หวาน หรือ มังสวิรัติ นั้นถือเป็น “อามิสบูชา” ที่สามารถกระทำได้โดยไม่เลือกว่าจะมีราคาถูก ราคาเพียงมากน้อยเท่าใด
แต่หลักใหญ่ใจความสำคัญอยู่ที่จิตเจตนาอันบริสุทธิ์ของผู้บูชาต่อพรหมเทพเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นสำคัญ แม้แต่ธูปเทียน ดอกไม้ บางคนที่มีจิตที่กล้าแกร่งและศรัทธาแน่วแน่ก็อาจไม่ต้องใช้เลยก็ได้
ในความเชื่อทางด้านไสยศาสตร์นั้น เชื่อกันว่า การที่จะบูชาอาหารคาวหรือหวานนั้น เพราะเป็นการแสดงความเคารพยอมรับเหมือนเราไปขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ ส่วนมากมักจะมีอะไรติดไม้ติดมือไปฝาก และของที่ฝากก็มักจะเป็นของที่ท่านชอบ ยิ่งประณีตหรือตั้งใจทำ หรือตั้งใจหามามากเท่าใดก็จะยิ่งดี เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติทั่วไป
และอย่างที่กล่าวไปแล้วว่า เราจะต้องดูไปถึง นิสัยดั้งเดิมของ เทพ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราไปทำการขอพรหรือทำความเคารพ ซึ่งมีอยู่หลายระดับชั้นตั้งแต่องค์เทพชั้นสูง ซึ่งการขอพร และการให้พร หากบุญบารมีถึงท่านย่อมอำนวยให้โดยที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน เพราะถือว่า องค์เทพท่านได้สร้างบุญบารมีเพิ่ม
ส่วนในลำดับเทพชั้นรอง ๆ ลงมานั้น ในระหว่างที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ก็จะดูว่า องค์เทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านชอบสิ่งใด บางองค์ นิยมเนื้อสด ก็จะมีเนื้อสด บางองค์นิยมไข่ก็จะมีไข่ต้มไว้บูชา หรือแม้แต่เหล้าแดง ของหวาน ทั้งหลายเป็นต้น
การที่ต้องมีอาหารคาวหวานจำนวนมากมายนั้นในการบนบานหรือขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์บางแห่งก็เพราะ เป็นการเตรียมพร้อมไว้แบบ เผื่อเหลือเผื่อขาด เพราะว่า เราไม่อาจทราบได้ถึงนิสัยขององค์เทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ มาสถิตอยู่ ณ สถานที่แห่งนั้นรวมถึงบริวารของท่าน ที่ยังเป็นดวงจิตวิญญาณในระดับที่ไม่สูงนัก
อย่างไรก็ตามขอให้ดูกำลังเงิน ความเหมาะสมของตัวเองเป็นที่ตั้ง และสิ่งของเหล่านี้ถ้าเป็นของที่ไม่บริสุทธิ์คือ เป็นสิ่งของที่เบียดเบียนคนอื่นมา หรือเงินที่ซื้อมานั้นเป็นเงินที่มาจากการคดโกง สิ่งของเหล่านี้จะไม่มีค่าอันใดเลย และไม่เป็นที่พอใจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายแน่นอน
ถ้าไม่ไปแก้บนแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
คนที่บนแล้วไม่แก้บนในเทวดาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เหมือนกับกรณีที่เรากล่าวคำสัญญาหรือคำสาบานว่าจะทำสิ่งใดเราก็จะต้องทำให้ได้ แต่หากว่าเราละเลย หรือหลงลืมไปก็อาจจะทำให้มีลางมาบอกเหตุกับเรา เป็นการกระตุ้นความทรงจำว่าเราติดค้างอะไรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่หรือไม่ ถึงจะลืมไปแล้วก็ตามที
หรือบางทีเป็นการพูดลอยๆ ลมๆ แล้งๆ แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายท่านย่อมรู้ตลอดเวลา สิ่งนั้นจะมาเตือน ดังนั้น รีบคิดดีๆ ว่าเมื่อเรา บนได้สมหวังแล้วแต่เรา แก้บนหรือยัง ก่อนที่ลางบอกเหตุนั้นจะกลายไปเป็นลางร้าย หากรอไปถึงเวลานั้นมันจะสายเกินไป
![ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์](https://www.mokkalana.com/wp-content/uploads/2019/02/2-31.jpg)
เพราะ หากบนแล้วไม่แก้ อย่างน้อยที่สุด จิตของเราก็จะตก ไม่ผ่องใสบริสุทธิ์ เป็นหนี้ติดตัวเหมือนกับเจ้าหนี้ หรือ เจ้ากรรมนายเวรคอยตามทวง ตามขัดลาภ ทำให้เกิดอุปสรรค ทำเป็นเหตุให้เราระลึกถึงขึ้นมาได้ว่า เรายังไม่ได้แก้บน
เมื่อมีการแก้บนไปแล้วเรื่องราวที่เป็นเรื่องร้าย ๆอาจจะหมดไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะหมดไปอย่างแท้จริง เพราะอาจเกิดจากการกระทำกรรมไม่ดี อื่น ๆของเราในอดีตที่เคยทำไว้มันส่งผลขึ้นมาในเวลานั้น
วิธีเลือกของสำหรับบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดย ธ. ธรรมรักษ์