ทาน หนึ่งในสามสุดยอดบุญบารมี การให้ทานทำไมต้องให้?

2142
views
ทาน

ทาน.. แปลว่าการให้โดยไม่หวังผลตอบแทนกลับ แต่เป็นการให้เพื่อปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข การที่คนเราต้องให้ทานกับผู้อื่นก็เพราะ…

โดยปกติธรรมชาติแล้วจิตของมนุษย์เราทุกคนมีความยึดมั่นหวงแหน ตระหนี่ในสิ่งที่ตนเองครอบครอง และ มีความอยากจะครอบครองสิ่งที่ตนเองยังไม่มี เมื่อจิตไม่มีการควบคุม ก็มีโอกาสที่จะนำไปสู่การกระทำที่ก่อให้เกิดการเบียดเบียนซึ่งกันและกันกลายเป็น “กรรม” ขึ้นมาอีก

อภัย

ผู้ที่ต้องการจะหนีพ้นกรรมให้ได้จึงต้องหมั่นทำทานให้ได้ก่อน และทานที่ควรฝึกให้ก่อนอย่างอื่นเลยก็คือ “อภัยทาน”

อภัยทานก็คือการยกโทษให้ เป็นการไม่ถือความผิดหรือการล่วงเกินกระทบกระทั่งว่าเป็นโทษถึงแม้การให้อภัยจะเป็นการกระทำที่ไม่สามารถทำได้ไม่ง่ายนักสำหรับบางคนที่ไม่เคยฝึกอบรมมาก่อน แต่ก็สามารถจะทำได้ด้วยการอบรมไปทีละเล็กละน้อย

เริ่มแต่ที่ไม่ต้องฝืนใจมากนักไปก่อนในระยะแรก ทานชนิดนี้เป็นการให้ด้วยใจ ไม่ต้องใช้วัตถุใดๆ หรือต้องทำอะไรให้ยุ่งยากทั้งสิ้น

ตัวอย่างเช่น เวลาที่เราขึ้นรถประจำทางที่มีผู้โดยสารคอยขึ้นรถอยู่เป็นจำนวนมาก หากจะมีผู้ต้องเข้ามาเบียดแย่งกันขึ้นไปข้างหน้า ทั้งๆ ที่คนๆนั้นยืนอยู่ข้างหลังการกระทำนี้แม้จะไม่สมควร อาจทำให้จิตเกิดความโกรธขึ้นมา

การฆ่าความโกรธ

ถ้าเกิดโกรธขึ้นมาไม่ว่าจะโกรธน้อยหรือโกรธมาก ก็ให้ถือเป็นโอกาสอบรมจิตใจให้รู้จักอภัยให้เขาเสีย เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรถือโกรธกันหนักหนา

เป็นเรื่องเล็กน้อยที่ควรจะอภัยให้กันได้ แต่บางครั้งที่ไม่ตั้งใจคิดเอาไว้ก็จะไม่ทันให้อภัยจะเป็นเพียงโกรธแล้วจะหายโกรธไปเอง

ทาน

อาการโกรธแล้วหายโกรธเอง กับอาการโกรธแล้วหายโกรธเพราะให้ได้อภัยแล้วนั้น ไม่เหมือนกัน โกรธแล้วหายโกรธเองเป็นเรื่องธรรมดาในทุกสิ่งเมื่อเกิดแล้วต้องดับ

ซึ่งไม่ถือว่าเป็นการอบรมหรือบริหารจิตให้มีพลังเข้มแข็งแต่อย่างใด ต่างกับอาการโกรธแล้วหายโกรธได้เพราะคิดให้อภัย เป็นการบริหารจิตโดยตรง จะเป็นการยกระดับของจิตให้สูงขึ้น ดีขึ้น มีค่าขึ้น

ทำบุญให้ทาน

เมื่อเรามีจิตเป็นอภัยทานอยู่ได้ตลอดเวลา การกระทำทานอย่างอื่นก็ยิ่งเป็นเรื่องง่าย เพราะความโลภความตระหนี่สามารถละได้ง่ายกว่าความโกรธ และเคียดแค้น จิตก็จะยิ่งมีความบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น ทีนี้การให้ทานที่เป็นวัตถุทานก็จะมีผลอานิสงส์สูงมากขึ้นด้วยเช่นกัน

การสร้างบุญด้วยจิตแห่งอภัยทาน

ในการทำทานตามหลักของพระพุทธศาสนานั้นมีข้อกำหนดอยู่ ๓ ประการใหญ่ที่จะก่อให้เกิดพลังบุญได้มากที่สุดขึ้นอยู่กับองก์ ๓ ประการคือ

ทาน

๑.๑ วัตถุทานบริสุทธิ์ คือ เป็นของที่หามาได้จากน้ำพักน้ำแรงของเราเอง เกิดจากการทำมาหากินอย่างสุจริต คำว่าสุจริตก็คือ สุ+ จริต อันหมายถึงความคิดดีไม่ได้ไปฉ้อโกงใครมาจะเป็นบาทฐานกำลังที่ ๑ที่จะทำให้ทานนั้นมีพลังสูง และมีผลมากกว่าสิ่งที่ได้มาโดยการเบียดเบียนแย่งชิงกันมาเพื่อนำมาทำบุญ

เคล็ดสำคัญก็คือ หากวัตถุทานที่จะนำไปทำบุญนั้นได้ทำขึ้น หรือได้มาด้วยจิตที่ปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุขเช่น การทำกับข้าวใส่บาตรพระด้วยมือของตนเอง ตั้งใจปรุงอย่างเต็มที่สุดฝีมือให้อาหารสะอาดสดใหม่และมีคุณค่าทางโภชนาการวัตถุทานนั้นก็ยิ่งส่งผลบุญให้เกิดแก่ตนเองมากยิ่งขึ้น และก่อประโยชน์กับผู้รับทานอย่างเต็มที่ด้วย

วิธีแก้กรรม

ทานอีกประการหนึ่งที่มีความบริสุทธิ์มากและมีพลังมากยิ่งๆขึ้นไปกว่าวัตถุทาน ก็คือ การให้ ธรรมทาน นั้นแหละจะเป็นทานที่มีอานิสงส์ยิ่งใหญ่และช่วยคลายกรรมหนักให้เป็นเบาได้เร็ว

เพราะธรรมทานเป็นความรู้ความเข้าใจในความเป็นจริง เสมือนการสอนและบอกผู้อื่นไปด้วยว่า การสร้างความทุกข์ความเดือดร้อนให้เกิดขึ้นแก่ผู้อื่นนั้นจะ มีผลเสียหายหลายอย่าง จึงทำให้ตัวของผู้สร้างกรรมต้องติดหนี้ และต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย

หากได้ให้ธรรมทานแก่ผู้อื่น ก็เท่ากับการที่เราได้ใช้วิธีการ ให้ผู้อื่นได้เกิดความเข้าใจและปรับความคิดให้กลายเป็นสัมมาทิฐิ มองเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริงว่า ทุกอย่างมันไม่เที่ยงไม่ทนไม่แท้ ได้แสงแห่งธรรมนำทางก็จะปล่อยมือละวางจากสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

๑.๒ เจตนาการให้บริสุทธิ์ เจตนาการให้ก็คือ ความปรารถนาที่ต้องการให้คนที่ติดค้างกรรมกับเรา คือเหล่าเจ้ากรรมนายเวรให้เขามีความสุข และพ้นจากสภาพทุกข์ทรมาน ไม่ใช่เพื่อต้องการให้เราได้เสพสุขและหวังในผลแห่งทานนั้น ว่าเราทำทานแล้วจะรวย จะได้ลาภ

ซึ่งหากตั้งเจตนาไว้ผิดๆ เช่นนี้ก็เปรียบเหมือนการให้ของแล้วเสียดายอยากเก็บไว้ ผู้รับย่อมคลางแคลงใจในเจตนา จะกินก็กินได้ไม่อิ่ม ใช้ก็ใช้ได้ไม่สะดวกผลแห่งทานนั้นก็ไม่ค่อยมีประโยชน์อันใดก่อให้เกิดขึ้นมากนัก

ทาน

๑.๓ ผู้รับทานนั้นบริสุทธิ์ ผู้รับทานนั้นเรียกได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญ เปรียบเหมือนผู้เป็นบุรุษไปรษณีย์คอยรับและส่งบุญกุศลให้กับเจ้าหนี้ของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งผู้รับมีความบริสุทธิ์มากเท่าใดผลบุญกุศลก็มีโอกาสถึงมือเจ้าหนี้ของเรามากและให้ผลมากเท่านั้น เพราะเราฝากบุญส่งถูกคน

ในทางกลับกันถ้าเราฝากจดหมายไปกับ คนที่ไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์ จดหมายนั้นก็คงถึงช้ามาก หรืออาจไม่ถึงเลยก็ว่าได้

จากหนังสือเรื่อง เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ ๗ พ้นเวร พ้นกรรม รวยฉับพลันต้องทำอย่างไร โดย อมตะ เทพรักษา