บทความดีๆ “วิธีแก้ส้นเท้าแตกร่อง” ไม่ต้องง้อครีมแพงๆ

1676
views
วิธีแก้ส้นเท้าแตก

ปัญหาผิวแห้งแตกลาย รวมไปถึงส้นเท้าที่แตกเป็นร่อง บางครั้งมีอาการเจ็บแสบ แตกจนมีเลือดก็มี วันนี้เราได้นำบทความดีๆมาแชร์ให้กับเพื่อนๆทุกท่านที่กำลังมีปัญหาเหล่านี้

เคล็ดลับเกี่ยวกับวิธีการรักษาส้นเท้าแตกมาฝากรับรองได้ผลเกินคาด สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีเพื่อนชาวเน็ตได้โพสต์เคล็ดลับเกี่ยวกับวิธีรักษาส้นเท้าแตกมาฝาก เขาได้ทดลองกับตัวเองแล้วได้ผลเกิดคาดจึงได้แบ่งปันประสบการณ์ที่ดีอันนี้ให้เพื่อนได้รับรู้ ที่สำคัญคือเสียเงินไม่ถึง 80 บาท มาดูกันเลย

ส้นเท้าแตก

การที่มีส้นเท้าแตกนั้นมีด้วยกันหลายสาเหตุ เช่น อากาศที่แห้ง,นิสัยการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์,การดูแลบำรุงเท้าที่ไม่ถูกวิธี, การสวมใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม,การเกิดริ้วรอย,โรคผิวหนังเช่น กลาก,โรคสะเก็ดเงิน, หนังด้านหรือตาปลาเป็นต้น

เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ส้นเท้าแตกได้ แต่อย่ากังวลไป เพราะตอนนี้มีวิธีรักษาที่แสนจะง่ายดายมาแนะนำ ทำให้คุณไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เพียงทำตามที่แนะนำ 7-10 วันก็จะหายจากอาการส้นเท้าแตกไปเลย

กรดซาลิไซลิจากต้นไม้ชนิดหนึ่ง มันคือต้นพอปลาร์ (the poplar) และต้นวีปปิงวิลโลว์ (the weeping willow) หรือต้นหลิว. ต้นไม้ทั้งสองชนิดอยู่ในวงศ์วิลโลว์นั้นเอง ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า กรดซาลิไซลิสามารถขจัดไขมันและผิวหนังที่ตายแล้วออกได้ ทำให้ช่วยในการรักษาโรคผิวหนังแตกหรือส้นเท้าแตกได้เป็นอย่างดี

หากคุณไม่อยากเสียเงินกับผลิตภัณฑ์ที่มีราคาแพง ไม่เป็นไร เรายังสามารถใช้แอสไพรินบดทดแทนในการรักษาส้นเท้าแตกได้เพราะพวกเขาทั้งหมดมาจากต้นไม้ทั้งสองชนิดอยู่ในวงศ์วิลโลว์นั้นเอง

เพื่อให้ประสิทธิภาพมากขึ้น คุณจำเป็นต้องแน่ใจว่า แอสไพรินที่คุณใช้เป็นแอสไพรินบริสุทธิ์100%(เม็ดแบบไม่เคลือบกระเพาะ) จากนั้นบดให้ละเอียดจนเป็นผงผสมน้ำส้มหรือถ้าจะให้ดีต้องน้ำมะนาว 1 ช้อนชา

ส้นเท้าแตก

จากนั้นนำใช้สำลีขนาดพอดีกับส้นเท้าของตนเอง ใช้แอสไพรินบริสุทธิ์ที่ผสมกับน้ำมะนาวทาบริเวณส้นเท้าที่แตกเสร็จก็ใช้สำลีที่เตรียมไว้ปิดประคบเพื่อไม่ให้น้ำไหลออกมา จะหาฟิล์มยืดห่ออาหารมาห่อบริเวณส้นเท้าเพื่อไม่ให้สำลีหลุดออก หรือบางคนจะสวมถุงเท้าอีกชั้นก็ได้ ห่อหุ้มไว้ตลอดทั้งคืน

ทำแบบนี้ทุกคืนนาน 7-10 วัน แล้วแต่อาการของแต่ละคนว่าส้นเท้าแตกมากน้อยแค่ไหน? เท่านั้นง่ายๆ ส้นเท้าของคุณก็จะกลับมานุ่มนวลอีกครั้ง

ขอบคุณข้อมูลจาก : liekr