อานิสงส์ ผลบุญจากการ “บริจาคบ้านหลังสุดท้ายถึงผีแน่นอน! เคราะห์หนัก ดวงถึงฆาต ผ่อนหนักให้เป็นเบา

3335
views
บ้านหลังสุดท้าย

เคยได้ยินมั๊ย?? ที่คนเฒ่าคนแก่มักบอกลูกๆหลาน หรือ คนที่ดวงตก มีเคราะห์หนัก ดวงถึงฆาต ให้ไปทำบุญโลงศพ (บ้านหลังสุดท้าย) เพื่อเป็นการต่ออายุ

อานิสงส์ ของการบริจาคโลงศพ คือ ใจผู้บริจาคเป็นสุข สุขจากการได้ทำบุญ

ได้ทำความดี คนตายมีโลงนอน เชื่อกันว่าเป็นการต่ออายุไข สะเดาะเคราห์ ผ่อนหนักเป็นเบาก็สุดแล้วแต่ความเชื่อ ศรัทธาของแต่ละบุคคล การทำบุญโลงศพ เป็นการช่วยเหลือศพไร้ญาติ เป็นสถานที่เชื่อมต่อกับสิ่งที่มองไม่เห็น เรียกว่า “แรงกรรม” และเป็นการทำบุญเสริมชะตาชีวิตตัวเอง ควรทำบุญนี้ให้ได้อย่างน้อยปีละครั้ง

ตั้งจิตอธิษฐาน

๑. ใช้มือสัมผัสใบอนุโมทนาแล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า “…..ข้าพเจ้า ชื่อ-สกุล ขอน้อมถวายการทำบุญโลงศพในครั้งนี้ แด่ศพไร้ญาติหรือวิญญาณที่ยากไร้ ขอให้ท่านได้รับอานิสงส์ผลบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำไปแล้วนี้ ขอให้ท่านได้ไปยังภพภูมิที่ดีด้วยเทอญฯ….. (และตั้งจิตอธิษฐานอื่นๆ)

สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์

๒. สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามที่แต่ละสถานที่กำหนด และควรไหว้ฟ้าดินก่อน ปักธูปตามจำนวนที่เขากำหนดไว้ โดยมากจะเขียนบอก ควรไหว้ให้ครบทุกองค์

เผาใบอนุโมทนา

๓. เผาใบอนุโมทนานั้นในที่ที่จัดไว้

๔. จากความเชื่อว่ามนุษย์ผู้นั้นที่ยังคงบริโภคเนื้อสัตว์อยู่ ผลบุญนี้อาจจะยังไม่ถึง จึงนิยมเคาะกลอง และระฆัง เพื่อให้ได้ยินไปที่สวรรค์ถ้าเป็นกลางวัน เคาะกลองก่อน เคาะ ๕ ครั้ง และตามด้วยระฆัง ๕ ครั้งถ้าเป็นกลางคืน เคาะระฆังก่อน เคาะ ๕ ครั้ง และตามด้วยกลอง ๕ ครั้ง

๕. เติมน้ำมันตะเกียงเพื่อเพิ่มแสงสว่างให้กับชีวิต

กรวดน้ำ

๖. กรวดน้ำอุทิศผลบุญกุศลให้ ญาติ พี่น้อง เจ้ากรรมนายเวร

มีผู้รู้ได้วิจารณ์เกี่ยวกับอานิสงส์ของการบริจาคโลงศพด้วยความเชื่อในแบบต่าง ๆ ไว้ดังนี้

บริจาคโลงศพเพื่อช่วยเหลือผู้ตายที่ขัดสนยากไร้ หรือศพไร้ญาติ อย่างนี้เป็นบุญที่ทำด้วยความสงสาร และปรารถนาจะช่วยเหลือสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มีธรรมะ คือ ความเมตตากรุณาเป็นปัจจัยให้บริจาคทาน ถือเป็นการทำบุญด้วยใจที่บริสุทธิ์

บริจาคโลงศพ

บริจาคโลงศพ โดยการนอนในโลง ทอดผ้าบังสุกุล และนิมนต์พระมาสวดชักผ้าบังสุกุล ด้วยความเชื่อและคิดหวังให้จะเป็นการสะเดาะเคราะห์ ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้ออกจากร่างกาย และต่อชะตาสืบอายุให้มีโชคมีชัย เจริญก้าวหน้าในชีวิต แล้วได้ฟังพระท่านให้ธรรมะเพิ่มเติม แล้วเกิดสติปัญญา นำไปเป็นเป็นข้อคิด เป็นคติเตือนใจว่า ชีวิตคนเราทั้งหลายก็เท่านี้ เกิดมามีความตายเป็นที่สุด

อานิสงส์การบริจาคโลงศพ

และก็ต้องมานอนอยู่ในโลงแบบนี้ เอาอะไรติดตัวไปไม่ได้เลยแม้แต่ร่างกายของตนที่มีแต่จะผุพังเน่าเปื่อย ความทุกข์ยากลำบากที่เกิดขึ้นและอยากจะปัดเป่าให้หายไป ก็เกิดขึ้นเพราะบาปกรรมชั่วทั้งหลายที่เราทำไปเพราะความประมาทและขาดซึ่งสติปัญญานั่นเอง ดังนั้น ต่อไปจะต้องไม่ประมาท อย่างนี้ เรียกว่า ทำบุญเสริมดวงให้แข็ง คือ ได้สติปัญญา และสติปัญญานี้เองที่ถือเป็นยอดบุญในหมวดธรรมะที่เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดความสุขความเจริญทั้งในชาตินี้และชาติหน้า

บริจาคโลงศพ

จึงกล่าวได้ว่า การทำบุญนั้น ไม่ว่าจะเป็นด้วยวิธีการใดก็ตาม อานิสงส์หรือผลบุญที่ได้รับจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้ทำบุญเป็นหลัก การทำบุญ เพราะความกลัว ความโลภ และหวังให้เกิดประโยชน์แก่เฉพาะตัวเอง จะได้บุญน้อยกว่าการทำบุญด้วยจิตที่สะอาดบริสุทธิ์ ด้วยหวังเพียงให้ผู้อื่นเป็นสุข เช่นเดียวกับการบริจาคโลงศพนี้ หากเราลองคิดว่า ศพผู้ยากไร้หรือศพไร้ญาติเหล่านั้น คือ คนใกล้ชิดของเรา หรือกระทั่งเป็นตัวเราเอง การตายอย่างไร้ญาติ อย่างคนอนาถา

อานิสงส์การบริจาคโลงศพ

ถือเป็นเรื่องน่าเวทนานัก หากมีผู้ใดมีจิตกรุณา ช่วยสงเคราะห์ผ้าห่อศพไม่ให้เป็นที่อุจาดตา อุทิศโลงศพให้เราได้อาศัย ไม่ให้ต้องนอนอยู่กลางแดดฝนเป็นอาหารของหนอนหรือแร้งกา ก็ถือเป็นพระคุณแก่วิญญาณของเรายิ่งนัก และเราก็ย่อมจะตอบแทนด้วยการอวยพรให้ผู้มีพระคุณผู้นั้นมีแต่ความสุขความเจริญ เมื่อคิดได้เช่นนี้เราก็จะมีจิตที่ยินดี เกิดเป็นความรู้สึกสุขใจ สบายใจ และความสุขใจนี่เอง คืออานิสงส์ผลบุญที่เราจะได้ตอบแทนมาโดยไม่ต้องคาดหวัง และถือเป็นบุญอย่างแท้จริง