พุทธชัยมงคลคาถา บทที่ 3 ชัยชนะของพระพุทธเจ้าครั้งที่ 3 ทรงมีชัยชนะแก่ช้างนาฬาคิรี

672
views

“พระชัยมงคลคาถา(พาหุง)” ว่าด้วยความมีชัยของพระพุทธองค์ตอนที่สาม ตอนที่มีชัยแก่ “พญาช้างนาฬาคิรี” อันเป็นหนึ่งในแปดของบทสวดจากชัยชนะทั้งแปดครั้งของพระพุทธองค์ ได้พรรณนาพุทธคุณไว้ว่า…

นาฬคิรึ คชวรํ อติมตฺตภูตํ
ทาวคฺคิจกฺกมสนีว สุทารุณนฺตํ
เมตฺตมพุเสกวิธินา ชิตวา มุนินฺโท
ตนฺเตชสา ภวตุ เต ชยมงฺคลานิ ฯ

“พระผู้มีพระภาคเจ้าจอมมุนี ได้ชัยชนะต่อช้างตัวประเสริฐ ชื่อนาฬาคีรี ซึ่งเป็นช้างตกมัน สุดแสนที่จะทารุณร้ายกาจ ด้วยนํ้าพระเมตตา ด้วยเดชแห่งชัยชนะของพระพุทธเจ้านั้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงบังเกิดมีแก่ท่าน”

เรื่องมีว่า ช้างนาฬาคิรีจะแทงพระพุทธเจ้าเวลาเสด็จออกบิณฑบาต เหตุเกิดขึ้นเพราะพระเทวทัต คือ พระเทวทัตคิดจะปลงพระชนม์ชีพพระสุคตเสีย แล้วจะตั้งตัวขึ้นเป็นพระพุทธเจ้าเอง จึงเข้าไปเฝ้าพระเจ้าอชาตศัตรู ปรึกษาความลับตกลงกัน แล้วไปที่โรงช้าง สั่งควาญช้างให้มอมสุราพญานาฬาคิรี ซึ่งปรกติเคยกินเหล้าแต่ ๘ กระออม ให้ทวีขึ้นถึง ๑๖ กระออม จนเมามันอาละวาดร้ายแรงกล้า ครั้นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคเสด็จจากเวฬุวนารามมารับบิณฑบาตในเมืองราชคฤห์พร้อมด้วยภิกษุพุทธบริวารเป็นอันมาก นายควาญช้างก็ปล่อยพญานาฬาคิรีให้อาละวาดพังโรงวิ่งแปร๋แปร้นไล่แทงคนอลหม่านสวนทางมาด้วยอาการอันชูงวงปรบหูตีหางตรงมาจะแทงพระพุทธเจ้า

ภาพวาดโดยศิลปินแห่งชาติ อาจารย์จักรพันธ์ โปษยกฤต

ทันใดนั้น พระอานนท์เถระก็ออกมายืนอยู่ข้างหน้าพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงห้ามถึงสามครั้งแล้วบันดาลให้พระอานนท์เข้าปนในหมู่สงฆ์ เวลานั้น ยังมีหญิงลูกอ่อนอุ้มบุตรวิ่งหนีช้างตรงมาที่พระพุทธองค์ ครั้นช้างไล่จวนจะทัน เห็นว่า จะหนีไม่พ้น ทั้งเป็นการที่ยังห่างจากพระพุทธเจ้าด้วย จึงได้วางลูกเสีย แล้ววิ่งหลีกเข้าข้างทางไป ฝ่ายช้างก็ตรงเข้ามาจะแทงทารกนั้น สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประดิษฐานอยู่ด้วยพรหมวิหาร และแผ่เมตตาเฉพาะต่อช้างนาฬาคิรี แล้วจึงตรัสสอนให้ช้างนาฬาคิรีรู้สึกตนได้สติเสื่อมคลายจากเมาเป็นปรกติดี ยืนทอดงวงและหู ไม่ประทุษร้ายเด็กนั้น แล้วเบนศีรษะเดินมาใกล้พระบาท ฟุบเท้าลง ยกงวงจบพระพุทธเจ้า พระองค์ก็ยกพระหัตถ์เบื้องซ้ายขึ้นปรามาสลูบกระพอง แล้วตรัสประทานโอวาทให้ช้างมีจิตปราโมทย์ในธรรมจริยา

เวลานั้น ฝูงมหาชนที่คอยตักบาตรและถวายเครื่องสักการะที่ได้กระจัดกระจายหนีช้างซ่อนเร้นและป่ายปีนขึ้นที่สูงนั้น ครั้นเห็นพญาช้างสิ้นพยศอันร้ายแรงแล้ว ต่างคนก็มีจิตโถมนาการโปรยปรายข้าวตอกดอกไม้และสรรพาภรณ์ต่าง ๆ ที่ตัวช้างจนปกคลุมท่วมตัว ครั้นแล้ว พญาช้างก็ถวายบังคมสมเด็จพระผู้ทรงพระภาคกลับไปโรงของตนโดยปรกติ