เคยสงสัยกันไหม? ทุกครั้งที่เราไปงานศพมักจะมีบางคนที่ไม่รับประทานอาหารในงาน หรืออาจจะมีคนเคยพูดว่า “ห้ามรับประทานอาหารในงานศพ” หลายคนอาจมีเหตุผลในใจ…วันนี้เรามาไขข้อสงสัยกันว่าเป็นเพราะอะไรทำไมถึงรับประทานอาหารในงานศพไม่ได้

เวลาที่เราไปงานศพ เมื่อพระสวดพระอภิธรรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าภาพจะนำข้าวปลาอาหาร และน้ำดื่มออกมาเลี้ยงบรรดาแขกที่มาร่วมงาน เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจเล็กๆน้อยๆของเจ้าภาพให้แก่บรรดาแขกนั่นเอง
และเป็นความเชื่อที่ว่าสมัยก่อนนั้นว่า.. บรรดาซินแสได้เตือนไว้ ว่า บุคคลใดที่ดวงชะตาไม่ดี หรือดวงตก ห้ามกินอาหารหรือดื่มน้ำในงานศพเป็นเด็ดขาด สิ่งอัปมงคลต่างๆจะเข้ามาทำร้ายเรา เพราะเราดวงตกนั่นเอง
วิธีป้องกันเวลาดวงตกหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องไปงานศพ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มในงานศพโดยเด็ดขาด แม้แต่น้ำดื่ม….


ปล.เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณ
ขอบคุณ ข้อมูล/ภาพ จากอินเทอร์เน็ต
Ⓜ️ เรื่องที่น่าสนใจ |

เครื่องดื่มที่ห้ามกินพร้อมยา เครื่องดื่มมีหลากหลายประเภท งานวิจัยพบว่าการดื่มน้ำเหล่านี้ ไม่ควรทานคู่กับ ยา เพราะจะทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ กาแฟ เชื่อว่าหลายคนเคยกินยาคู่กับกาแฟอย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะไม่ส่งผลกระทบอะไร หากคุณไม่ได้กินกาแฟคู่กับแคลเซียมในรูปแบบวิตามินหรืออาหารเสริม เพราะหากคุณดื่มกาแฟคู่กับแคลเซียม ก็จะเหมือนกินแคลเซียมเล่น ๆ เสียเงินไปฟรี ๆ เพราะกาแฟมีฤทธิ์ขับแคลเซียมออกจากร่างกายนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ในกรณีที่อันตราย ก็คือ การดื่มกาแฟกับยากลุ่มแก้หวัด หรือขยายหลอดลม (ซึ่งอาจได้ยาชนิดนี้มาตอนเป็นหวัด คัดจมูก หรือในคนที่เป็นโรคหอบหืดที่ต้องกินยาขยายหลอดลมเป็นประจำ) ต้องขอเตือนว่าอย่ากินยาขยายหลอดลมพร้อมกาแฟเด็ดขาดค่ะ เนื่องจากกาแฟมีฤทธิ์ทำให้หัวใจเต้นเร็ว เช่นเดียวกับยาขยายหลอดลมที่มีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของหัวใจเช่นเดียวกัน ดังนั้นเมื่อกินพร้อมกันอาจเกิดอาการใจสั่น รวมทั้งภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ หรือในคนที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว เคสนี้อันตรายมาก นม นมมีโปรตีนชนิดที่ช่วยเคลือบกระเพาะอาหาร ซึ่งอาจขัดขวางการดูดซึมยา ทำให้ตัวยาไม่สามารถออกฤทธิ์รักษาได้ นอกจากนี้แคลเซียมในนมก็ยังมีผลต่อการดูดซึมของยาอีกด้วย โดยเฉพาะการกินยาปฏิชีวนะ หรือยาฆ่าเชื้อ กับนม ที่แคลเซียมจากนมจะเข้าไปจับตัวยาปฏิชีวนะ ทำให้ยาปฏิชีวนะที่เรากินเข้าไปเพื่อหวังผลในการรักษาอาการอักเสบในส่วนต่าง ๆ ไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ที่ควรได้รับการรักษาด้วยตัวยาได้ เท่ากับการกินยาปฏิชีวนะในครั้งนี้มีผลเป็นโมฆะนั่นเอง หรือแม้แต่การกินยาลดกรดกับนมก็ตาม ซึ่งบางคนอาจคิดว่า ในเมื่อยาลดกรดก็ช่วยเคลือบกระเพาะ และนมก็มีโปรตีนช่วยเคลือบกระเพาะ ทำไมจะกินพร้อมกันไม่ได้ คำตอบก็คือในนมนั้นมีแคลเซียมอยู่ในปริมาณไม่น้อย และแคลเซียมในนมนี่แหละที่อาจไปขัดขวางการออกฤทธิ์ของยาลดกรด…

อานิสงส์การตั้งโรงทาน แจกอาหาร.. ดังที่เราเห็นกันในยุคกาลปัจจุบันนี้ ที่เรานำอาหาร เครื่องใช้ออกมาแบ่งปันกัน อานิสงส์ของการทำโรงทาน ในสมัยพุทธกาลคนยากคนจนมีเยอะ ดังนั้นการตั้งโรงทานในสมัยพุทธกาลนั้น เจตนาเพื่อจะเลี้ยงคนยากคนจนเท่านั้น คนรวยไม่มีโอกาสกิน เป็นการเลี้ยงเพียงวรรณะเดียว เป็นการสร้างบารมีด้วยตัวเอง ซึ่งเกิดมาชาติใดก็จะไม่อดไม่อยาก ในสมัยปัจจุบัน การตั้งโรงทานในวัดเนื่องในโอกาสต่างๆนั้น จุดประสงค์ก็คือต้องการแบ่งเบาภาระเรื่องอาหารของทางวัด เพราะหากไม่มีโรงทาน ทางวัดก็ต้องสิ้นเปลืองเงินทองจัดหาอาหารมาเลี้ยงคนที่มาที่วัด ยิ่งโดยเฉพาะช่วงที่มีงานใหญ่ๆโตๆ คนมางานกันเยอะ ถ้าไม่มีโรงทาน ภาระหนักก็จะตกอยู่กับทางวัดซึ่งการตั้งโรงทานในวัดนั้น เป็นการเปิดกว้างให้คนทุกชั้นทุกวรรณะ ไม่ว่าจะยากดีมีจนก็มีสิทธิมารับประทานอาหารได้อีกนัยหนึ่งการตั้งโรงทานในวัด เท่ากับเป็นการร่วมสร้างบุญสร้างกุศลกับพระสงฆ์องค์เจ้าด้วย เป็นการพึ่งบารมีของท่าน เป็นการร่วมสร้างบารมีกับท่าน เมื่อคนกินอาหารอร่อย เค้าก็จะโมทนากับเจ้าของโรงทาน โมทนากับหลวงปู่หลวงตาว่า ดูซิ เพราะบารมีท่าน ถึงมีโรงทานเยอะแยะมากมายอย่างนี้ ไม่ได้อดไม่ได้อยากเลยพวกเรา อีกทั้งเทวดาก็โมทนาสาธุการกับเจ้าของโรงทานด้วย บางครั้งอาหารที่เรามาตั้งโรงทาน เราก็แบ่งส่วนหนึ่งไปถวายเพล ไปเลี้ยงพระ ซึ่งก็ไม่ได้มีข้อห้ามอะไรว่า อาหารที่เราตั้งโรงทาน จะต้องเลี้ยงคนที่มาที่วัดเท่านั้น จะนำไปเลี้ยงพระไม่ได้เพราะฉะนั้น หากมองในภาพรวมแล้ว การตั้งโรงทานในวัดนั้น ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนยากคนจน ไม่ได้จำกัดเฉพาะลูกศิษย์วัด ใครจะเดินเข้ามากินก็ได้ที่สำคัญเป็นการร่วมทำบุญกับทางวัด ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ การตั้งโรงทานในวัดจึงได้อานิสงส์มากกว่าตั้งโรงทานเพื่อเลี้ยงคนยากคนจนเพียงอย่างเดียว อานิสงส์การตั้งโรงทาน…

แพทย์-นักวิจัย แนะดื่ม ‘น้ำผลไม้’ อย่างไรให้ได้ประโยชน์ ลดเผชิญโรค “อ้วน-ป่วย” “เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่ผู้นิยมดื่มน้ำผลไม้ส่วนใหญ่ ไม่ได้มีโอกาสที่จะรับรู้ ข้อมูลเหล่านี้” เป็นที่รับรู้มาตลอดว่าผลไม้กินสดๆ นั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่เพื่อให้รับประทานง่ายขึ้น จึงมีการแปรรูปทำเป็นน้ำผลไม้ต่างๆ ซึ่งผ่านกระบวนการต่างๆ ใส่สี แต่งกลิ่น และใส่เนื้อ ซึ่งมีผลต่อคุณค่าทางโภชนาการ และส่งผลต่อสุขภาพผู้ดื่ม จึงจำเป็นต้องรู้วิธีดื่มน้ำผลไม้ให้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริง ขณะเดียวกันดื่มแล้วจะไม่เสี่ยงโรคอ้วนและการป่วยที่ตามมา นายแพทย์ฆนัท ครุธกูล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ และโภชนวิทยาคลินิก ศูนย์หัวใจหลอดเลือด และเมแทบอลิซึม คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าว่า ความเข้าใจแรกที่ว่า ดื่มน้ำผลไม้แล้ว ผิวพรรณจะสวย เรื่องนี้ก็ยังไม่มีงานวิจัย ทางการแพทย์ออกมายอมรับ ส่วนความเข้าใจที่ว่า ดื่มน้ำผลไม้แล้วร่างกายจะได้ประโยชน์ งานวิจัย ทางการแพทย์ก็ยืนยันว่า ในภาวะของคนที่มีร่างกายปกติ เน้นคำว่า ปกติ ไม่มีข้อมูลยืนยันว่า การดื่มน้ำผลไม้แล้วจะส่งผลดีต่อสุขภาพ แต่งานวิจัยทางการแพทย์ยืนยันว่า น้ำผลไม้จะส่งผลดี เฉพาะคนป่วยที่ขาดวิตามินเท่านั้น เช่น…