สาววังวิเศษ ร้องถูกมือดีแอบวางยาต้นยาง 30 ไร่ น้ำยางไม่ออก เผยปมไม่ขายที่ให้นายทุน

2908
views

จ.ตรัง – เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2565 น.ส.วัลย์ (สงวนนาม) อายุ 51 ปี ได้เข้าร้องเรียนผู้สื่อข่าวเพื่อหวังเป็นที่พึ่ง ก่อนพาเดินเข้าไปดูสวนยางพารา จ.ตรัง ร้องสวนยางพารา อายุ 11 ปี จำนวน 30 ไร่ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเนินสูง หรือดินควน พื้นที่หมู่ 6 บ้านสวนป่า ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ กรีดแล้วน้ำยางไม่ออก บางส่วนล้มราบ และกำลังล้มตายอีกหมดทั้งสวน สร้างความเดือดร้อนอย่างมาก

โดยโชว์ผลการตรวจตัวอย่างสารเคมีใต้โคนต้นยางจากห้องแลป บันทึกข้อความ ศูนย์ดำรงธรรม จ.ตรัง ภาพถ่ายหลักฐานต่างๆ และโฉนดที่ดินให้ผู้สื่อข่าวดู หลังอ้างว่าได้รับความเดือดร้อนมีผู้ไม่หวังดีนำสารเคมีบางชนิดมารดที่โคนต้นยางพารา หลายครั้งติดต่อกันตั้งแต่ปี 2558 จนถึงตอนนี้ต้นยางได้ล้มตายและไม่มีน้ำยางแม้หยดเดียว เพื่อหวังที่จะซื้อที่ดินดังกล่าว พร้อมขับไล่ออกจากนอกพื้นที่

โดยมีผู้ไม่หวังดีนำสารเคมีมาราดใส่โคนต้นยาง ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2558 ได้นำเรื่องไปแจ้งความกับตำรวจ แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะภัยธรรมชาติ ทั้งที่ตนเคยนำเรื่องนี้ไปตรวจกับทางองค์การยางพารามาแล้ว ผลปรากฏว่าพบสารเคมีอยู่จริง หลังจากที่มีผู้ไม่หวังดีนำสารเคมีมาใส่ต้นยางทำให้ต้นยางเสียหาย ไม่มีน้ำยางไหลออกมาแล้ว และค่อยๆหมดไปเรื่อยๆ การที่ตนถูกกลั่นแกล้งนั้น เนื่องจากเคยมีปัญหากัน หลังจากมีคนขอซื้อที่ดินแปลงนี้ แต่ตนก็ไม่ขาย ทำให้เขาไม่พอใจและได้ปิดทางเข้าบ้านมาแล้วครั้งหนึ่ง เคยร้องเรียนกับทางอำเภอก็ยิ่งทำให้ไม่พอใจ

จึงร้องทุกข์ไปยังศูนย์ดำรงธรรม เพราะคนในพื้นที่นี้ไม่มีใครแก้ปัญหาให้ ตนเองก็ไม่ได้รู้กฎหมายอะไรด้วย ก็พยายามต่อสู้กันมาเป็นเวลา 10 ปี ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น คดีก็ไม่คืบหน้า ส่วนคนที่มาขอซื้อที่ดินของตนนั้นก็เป็นคนในพื้นที่รู้จักกันดี แต่ไม่ค่อยได้คุยกันเพราะมักจะมีปัญหาปากเสียงกันหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ตนมีภาระมากขึ้น เพราะไม่ว่าจะทำอะไรตนก็ต้องใช้ต้นยางหารายได้มาใช้จ่าย เป็นหลักก็รู้สึกเสียดายเพราะ ช่วงนี้ราคายางสูง เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะกว่ายางกว่าจะโตขนาดนี้ก็ใช้เวลาปลูกหลายปี ตนก็มีภาระหนี้สิน ที่ต้องรับผิดชอบอีกเยอะ จะนำที่ดินไปจำนองที่ไหนก็ไม่ได้ เพราะตนไม่ได้รับความร่วมมือจากท้องถิ่นเลย

การที่ตนร้องเรียนสื่อมวลชนในครั้งนี้ เป็นที่พึ่งสุดท้ายแล้วจริงๆ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบช่วยเหลือ จะได้เห็นถึงความลำบากที่ตนต้องเผชิญมา ยอมรับว่าที่ผ่านมากลางดึกจะมีคนมาวนเวียนอยู่ในสวนตลอด ตนเคยวิ่งตาม จนผู้ไม่หวังดีวิ่งเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ในพื้นที่ ทุกวันนี้ก็อยู่กันด้วยความหวาดผวาและกลัวความปลอดภัยด้วย เพราะตนก็อาศัยกับแม่เพียง 2 คน และยืนยันว่าจะไม่ขายที่ดินดังกล่าวให้ใครโดยเด็ดขาด และจะต่อสู้จนถึงที่สุด

เครดิตแหล่งข้อมูล : ศรีตรังเคเบิลทีวี”คนข่าวท้องถิ่น”