ศึกดวลปืนเดือด พ่อเลี้ยง- ลูกเลี้ยงเจ็บสาหัส ต่อหน้าแม่ จ.อ่างทอง

1408
views

อ่างทอง 23 มี.ค. – เปิดศึกดวลปืนเดือด พ่อเลี้ยง-ลูกเลี้ยง ต่อหน้าแม่ หลังหมางใจกันมานาน จังหวะจะชักปืนยิง ถูกพ่อเลี้ยงชักปืนยิงสวน 3 นัด อาการสาหัส พ่อเลี้ยงหนี ตำรวจเร่งตามล่าตัวมาดำเนินคดี

เจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลโพธิ์ทอง จ.อ่างทอง เร่งนำร่างของนายสกนธ์ มีคงเดิม อายุ 47 ปี เข้าห้องฉุกเฉินเพื่อช่วยชีวิต หลังนายสกนธ์ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทรบชนิดเข้าหน้าอกด้านซ้าย และแขนซ้าย จำนวน 3 นัด กระสุนฝังใน ก่อนที่จะต้องส่งตัวไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลอ่างทอง เนื่องจากอาการสาหัส

นายสกนธ์ ถูกนายทองคำ อายุ 66 ปี ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยง ใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงที่บริเวณร้านขายของหน้าโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลรำมะสัก อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง หลังทั้งคู่มีปากเสียงกันเรื่องหลานชายของนายทองคำ ก่อนที่นายสกนธ์จะชักอาวุธปืนลูกซองสั้นที่พกติดตัวเตรียมยิงใส่ แต่มีนางจำเนียร มีคงเดิม อายุ 69 ปี แม่ของตนและเป็นภรรยาของนายทองคำ ยืนขวาง อยู่ทำให้นายสกนธ์ไม่กล้ายิง และลดอาวุธปืนเก็บ แต่กลับถูกนายทองคำใช้อาวุธปืนยิงใส่จนล้มลงได้รับบาดเจ็บสาหัส

หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.มงคล จิตร์พรหม สว.สภ.รำมะสัก พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่รุดไปตรวจที่เกิดเหตุ พบอาวุธปืนลูกซองสั้นตกอยู่ 1 กระบอก และหัวกระสุนปืนขนาด .32 ตกอยู่ 1 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

นางจำเนียร เล่าให้ฟังว่า นายสกนธ์เป็นบุตรชายของตน ซึ่งมีปัญหาระหองระแหงกับนายทองคำ สามีใหม่ และมีการพูดจากระทบกระทั่งกันตลอด ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา นายสกนธ์มีปากเสียงกับนายภควัฒน์ อายุ 19 ปี หลานของนายทองคำ ก่อนที่จะลามไปทะเลาะกับนายทองคำ ซึ่งตนเองพยายามไกล่เกลี่ย แต่นายสกนธ์ไม่หยุด ก่อนเดินออกมาจากร้านที่อยู่ติดกัน ชักอาวุธปืนทำท่าจะยิงใส่นายทองคำ ที่ยืนอยู่ข้างตน แต่ก็ไม่ได้ยิง เพราะน่าจะกลัวโดนตนเองไปด้วย แต่จู่ๆ นายทองคำ ก็ชักอาวุธปืนกระหน่ำยิงสวนออกไปหลายนัด จนนายสกนธ์ล้มลงกองกับพื้น หลังจากนั้นนายทองคำก็หลบหนีไป ซึ่งตนก็พยายามโทรติดตามให้มามอบตัวแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้

พ.ต.ท.มงคล สว.สภ.รำมะสัก เปิดเผยว่า เบื้องต้นสาเหตุน่าจะเกิดจากการทะเลาะกัน จนทำให้ทั้งคู่เก็บความไม่พอใจกันไว้จนกระทั่งมาวันนี้ จึงก่อเหตุดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามนายทองคำ ซึ่งคาดว่าไปหลบอยู่บ้านญาติ ส่วนนายสกนธ์ เจ้าหน้าที่ต้องอายัดตัวไว้สอบสวนดำเนินคดีต่อไป.-สำนักข่าวไทย

บทความต้นฉบับ