ชายแดนใต้พบแล้ว 3 คนไทย ติดเชื้อโอไมครอน หลังกลับจากแสวงบุญที่ซาอุฯ

1442
views

พบผู้ติดเชื้อโอไมครอน 3 ราย เดินทางกลับมาจากทำพิธีอุมเราะห์ ที่ซาอุดิอาระเบีย เป็นชาวปัตตานี 2 ราย นราธิวาส 1 ราย ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่รพ.ใกล้บ้าน

19 ธันวาคม 2564 นายแพทย์มูฮำหมาด ละใบจิ รอง ผอ.โรงพยาบาลโคกโพธิ์ จ.ปัตตานี และเป็นทีมแพทย์ที่เดินทางร่วมคณะฯ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา ประมาณเวลา 13:00 น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อมูลนี้ พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ โอมิครอน จากคณะเดินทางไปแสวงบุญที่ประเทศ ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งช่วงแรกที่คณะอุมเราะห์กลับมา ได้ลงเครื่องที่ภูเก็ต และเข้า “Phuket Sandbox” พบผู้ติดเชื้อ 3 คน จากนั้นทุกคนได้อยู่ในความดูแลของทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด ตลอดที่อยู่ภูเก็ต ในส่วนคนอื่นๆ ได้ตรวจ RT-PCR ไม่พบเชื้อใดๆ รวมทั้งไม่มีอาการ แต่ก็ได้กักตัว 5 วัน และเดินทางกลับมาในพื้นที่ชายแดนใต้ ภายใต้การดูแลจากทีมแพทย์ พร้อมทั้งมีมาตราการระดับจังหวัดอย่างเข็มงวด

สำหรับผู้ที่เดินทางไป อุมเราะห์ นี้มีทั้งหมด 137 คน ก่อนจะกลับมาได้มีการตรวจ RT-PCR ที่ซาอุดิอาระเบียแล้ว และกลับมา ตรวจอีกครั้งที่ภูเก็ต และก่อนกลับบ้านเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้มีการตรวจ ATK ก่อนเดินทางอีกด้วย และทั้งหมดที่เหลือไม่มีใครตรวจพบเชื้อใดๆ

ขณะเดียวกัน ยังมีการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่และกักตัว ต่อเนื่องจนถึง วันที่ 27 ธันวาคม ขอให้พวกมั่นใจว่า พวกเราได้เข้าสู่ประเทศไทยด้วยระบบ phuket sandbox โดยได้ตรวจ RT-PCR ก่อนออกจากซาอุดิอาระเบีย และตรวจ RT-PCR เมื่อถึงภูเก็ต สำหรับผู้ที่มีผลลบ ได้รับการกักตัวตลอดระยะเวลา 5 วันแล้วในเบื้องต้น สำหรับผู้ที่ไม่มีอาการได้ผ่านพ้นระยะฟักตัวของเชื้อแล้ว คาดว่าไม่มีเชื้อโควิด แต่เพื่อความรัดกุมและปลอดภัยให้มากที่สุด พวกเราจะกักตัวเองและสังเกตุอาการต่อจนครบ 14 วัน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ตัวเองและพี่น้องของเราอย่างเต็มที่

นพ.อนุรักษ์ สารภาพ นายแพทย์ สสจ.ปัตตานี ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้พบชาว จ.ปัตตานีที่เดินทางกลับจากการทำพิธีอุมเราะห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนคนเเรกของจังหวัด โดยเดินทางมาลงที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต ก่อนพบติดเชื้อเเละผู้ป่วยขอกลับมารักษาตัวที่โรงพยาบาลโคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรักษาตัว

ทั้งนี้ การทำอุมเราะห์ เรียกง่ายๆ ว่า “การแสวงบุญเล็ก” ใช้เวลาประมาณ 15 วัน ต่างจากการทำ “ฮัจย์” หรือ “การแสวงบุญใหญ่” ซึ่งใช้เวลานานกว่า และกำหนดให้มุสลิมทุกคนที่มีความสามารถต้องปฏิบัติ แต่การทำอุมเราะห์นั้น ไม่ได้เป็นภาคบังคับ หากมีโอกาสได้ไปและใช้เวลาอยู่ในมัสยิดฮารอมหลายวัน ก็จะยิ่งได้รับผลบุญมาก

ผู้แสวงบุญ หรือ “ฮุจญาต” (อ่านว่า ฮุด-ย๊าด หรือ ฮุด-หยาด) จากประเทศไทย จำนวน 112 คน เฉพาะผู้แสวงบุญ ถ้ารวมเจ้าหน้าที่ด้วยจะเป็น 137 คนตามโครงการของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. เดินทางไปทำพิธี “อุมเราะห์” ในช่วงนี้พอดี ทำให้แพทย์ประจำคณะผู้แสวงบุญ ต้องยกระดับมาตรการป้องกันโควิดของบรรดาฮุจญาต

บทความต้นฉบับ