น้ำป่าเขาบรรทัดถล่ม หนักสุดรอบ 50 ปี จ.ตรังเดือดร้อนระทม 300 ครัวเรือน ผู้ป่วยอัมพฤกษ์ดับ 1

1634
views

วันที่ 2 ธันวาคม จ.ตรัง เกิดเหตุการณ์มวลน้ำป่าขนาดใหญ่จากเทือกเขาบรรทัด เขตรอยต่อระหว่างตรัง-พัทลุง ไหลหลากลงจากภูเขา ผ่านน้ำตกไพรสวรรค์ บ่าเข้าบริเวณฝายกั้นน้ำบ้านห้วยสอ หมู่ 4 ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จนหูช้างของฝายบริเวณด้านขวาแตก ทำให้มวลน้ำขนาดใหญ่ได้ไหลหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน ในหมู่ 7 , 6 , 1 และหนักสุดในหมู่ 4 ต.โพรงจระเข้ รวม 4 หมู่บ้านอย่างรวดเร็ว

โดยความเร็วของน้ำได้นำเอาโคลนและต้นไม้ลงมาเข้าสู่บ้านเรือนประชาชนด้วย โดยน้ำมีความสูงตั้งแต่ 3-6 เมตร

ขณะนี้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกว่า 300 ครัวเรือน ประชากร 500-600 ชีวิตเดือดร้อน พืชสวนทางการเกษตร เช่น สวมปาล์มน้ำมัน สวนยางพารา กว่า 30 ไร่ ล้มระเนระนาดถอนรากถอนโคลน วัวล้มตายไปแล้วกว่า 6 ตัว และสัตว์เลี้ยงอีกจำนวนมากล้มตาย

จากเหตุการณ์นี้นายทวี แป้นนวล หรือลุงวี อายุ 70 ปี ซึ่งเป็นอัมพฤกษ์ ผู้ป่วยนอนติดเตียง และมีพื้นที่อยู่บริเวณต้นน้ำ ได้เสียชีวิตจากเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ ในขณะนอนอยู่ภายในบ้านกับภรรยา ซึ่งภรรยา วัย 69 ปี สามารถรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด ซึ่งบรรดาญาติได้นำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดห้วยสอ

ตลอดคืนที่ผ่านมานายสมนึก ธูปหอม นายอำเภอย่านตาขาว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจและช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเร่งด่วนพบว่ามวลน้ำได้ไหลลงสู่ลำคลองเกือบทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงเฉพาะพื้นที่ลุ่มที่ยังมีน้ำท่วมขังอยู่

โดยสภาพบ้านเรือนมีดินโคลนจำนวนมาก ข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านทั้งหมดกว่า 300 ครัวเรือนเสียหายทั้งหมดโดยไม่สามารถขนย้ายได้ทัน และมีบ้านเรือนจำนวน 1 หลังที่พังสูญหายไปกับสายน้ำ 1 หลัง โดยที่ไม่เห็นเศษซาก และรถจักรยานยนต์กว่า 30 คัน รถยนต์อีกกว่า 5 คัน ทั้งหมดได้รับความเสียหายถูกทับถมอยู่ใต้ไม้ที่ล้มและเศษซากที่ไหลมากับน้ำ โดยบางคันถูกกระแสน้ำซัดไปไกลกว่า 1 กม.

ขณะเดียวกันตอนนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านเป็นการด่วนแล้ว ส่วนระดับน้ำในลำคลองได้เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ปลายน้ำ ในเขต อ.ย่านตาขาว และบางส่วนได้รับผลกระทบจากมวลน้ำ

ส่วนทาง กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย จ.ตรัง ได้ออกหนังสือด่วนที่สุด แจ้งประชาชน ยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมา ทำให้น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก เฝ้าระวังช่วงวันที่ 2-5 ธันวาคมนี้

เครดิตแหล่งข้อมูล : The Tempo News