พ่อท่านบุญมี วัดเภาเคือง เชียรใหญ่ นครศรีธรรมราช “มหัศจรรย์ ตายไม่เน่า เผาไม่ได้”

9960
views
พ่อท่านบุญมี วัดเภาเคือง

เรื่องราวอัน เหลือเชื่อ!! ในโลกนี้ยังมีอีกมากมายให้เล่าขาน ตรงนี้นำมาบอกกล่าวล้วนแต่เป็นเรื่องราวที่ เกิดขึ้นจริง โดยมีประจักษ์พยานรู้เห็นอย่างเช่นเรื่องราวของ หลวงพ่อบุญมี โฆสธัมโม ท่านละสังขารไปเมื่อแล้วปี ๒๕๔๙ เผาไม่ไหม้และไม่เน่าเปื่อย โดยมีชาวบ้านจำนวนนับพันคนที่มาชุมนุมเพื่อร่วมบำเพ็ญกุศลถวายและร่วมพิธีฌาปนกิจศพ หลวงพ่อบุญมี โฆสธัมโม วัดเภาเคือง อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช

พ่อท่านบุญมี โฆสธัมโม

พระเถระที่ชาวบ้านเคารพและศรัทธาเลื่อม จึงได้พบเห็นเหตุการณ์ที่เป็นปรากฏการณ์ เหนือธรรมชาติ ชนิดที่ไม่มีใครคาดฝันมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นและต่อมายังบันดาลให้ชาวบ้านได้ รับโชค ไปตาม ๆ กันอีกด้วยโดยเรื่องราวนี้มีความเป็นมาดังนี้

เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ขณะนั้นเป็นเวลา ๑๕.๐๐ น.ที่วัดเภาเคืองได้จัดให้มีงานฌาปนกิจศพหลวงพ่อบุญมี โฆสธุโม ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาวาสของ วัดเภาเคือง ต.ไสหมาก อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นประธานในพิธี

หลังจากมีการวางดอกไม้จันทน์เรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านนับพันที่มาในงานยังไม่ยอมกลับเนื่องจากทุกคนอยากจะร่วมพิธีเผาจริงเพราะ หลวงพ่อบุญมี เป็นที่เคารพเลื่อมใสของชาวบ้านในละแวกนั้น กระทั่งถึงเวลา ๒๐.๓๙ น.ซึ่งเป็นเวลาเผาจริงคณะกรรมการวัดได้นำหีบบรรจุศพของท่านวางบนรางถ่าน

พ่อบุญมี วัดเภาเคือง นคร

จากนั้นจึงทำการเปิดหีบศพเพื่อให้ลูกหลานและศิษย์ได้เห็นหน้าเป็นครั้งสุดท้าย ศิษยานุศิษย์และผู้ที่เคารพนับถือต่างผลัดเปลี่ยนกันขึ้นไปดูเป็นวาระสุดท้าย ปรากฏว่าทุกคนต่างแปลกใจเมื่อเห็นท่านเหมือนคนนอนหลับ จึงมีอีกหลายคนพยายามที่จะถ่ายรูปแต่ปรากฏว่าไม่มีใครถ่ายรูปติดเลยแม้แต่คนเดียว

พ่อท่านบุญมี วัดเภาเคือง

เมื่อเป็นเช่นนั้นหลานท่านชื่อ นายสุรเชษฐ์ เดชนุ่น จึงตรงไปกราบศพท่านเพื่อขอถ่ายรูปปรากฏว่า รูปติดชัดดี และที่น่าแปลกคือรูปที่ได้นั้นเป็นรูปพิเศษคือ เห็นท่านลืมตามอง ที่ไม่ต่างอะไรกับคนปกติและหลังจากถ่ายรูปแล้วปรากฏว่าไฟฟ้าในบริเวณวัด ดับลง พระสงฆ์ภายในวัดจึงรีบจัดการแก้ไขแต่ ไฟก็ไม่ติด

จึงทำการสอบถามเลยได้ทราบว่าไฟฟ้าดับหมดทั้งอำเภอ แม้แต่ พระตำหนักประทับแรมปากพนัง ไฟฟ้าก็ดับเช่นกันต่อมาเจ้าหน้าที่ประจำเมรุจึงนำน้ำมันก๊าดรดบนรางถ่าน เพื่อให้ประธานสงฆ์ในวันนั้นทำการถวายเพลิงคือ พระครูสุวรรณาภรณ์ เจ้าคณะตำบลบ้านเนินซึ่งเป็นเจ้าอาวาส วัดทาบทอง เป็นประธานเพราะใกล้ได้เวลาฤกษ์ถวายเพลิง

พ่อท่านบุญมี วัดเภาเคือง

แต่แล้วเหตุการณ์ เหนือธรรมชาติ ก็เกิดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ชนิดไม่มีใครคาดคิดเมื่อจู่ ๆ ทั้ง ลมและฝน ได้เทกระหน่ำมาอย่างหนักดุจพายุทำให้สิ่งของปลิวว่อนกระจัดกระจาย โดยมีชาวบ้านหลายคนเห็นการเคลื่อนตัวของลมพายุที่เคลื่อนมาจาก แม่น้ำปากพนังด้านทิศตะวันออกของวัดแล้วเคลื่อนตัวเข้าที่เมรุ

และที่แปลกกว่านั้นก็คือชาวบ้านนับพันคนที่ยังชุมนุมอยู่ในวัดต่างเห็นลมพายุมีรูปเป็น ช้าง ก็มีและเป็น เสือ ส่วนความแรงของลมพายุได้หอบเอาสายฝนตกลงมาแรงขึ้น ๆ เมื่อเห็นปรากฏการณ์เป็นเช่นนั้นชาวบ้านและศิษย์ต่างไชโยโห่ร้องดีใจ พร้อมร่วมกันตะโกนขึ้นอย่างพร้อมเพียงว่า “ไม่เผา ๆ ” เพราะพายุและฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก

คณะกรรมการวัดจึงตัดสินใจปิดฝาโลง ชาวบ้านจึงช่วยกันหามหีบศพ หลวงพ่อบุญมี ลงจากเมรุแล้วนำไปวางไว้ในวิหารทั้งที่ไฟฟ้ายังดับอยู่ จึงได้แต่ทำการจุดเทียนพรรษาเพื่อให้แสงสว่าง ชาวบ้านที่อยู่ด้านนอกก็กรูกันเข้ามาเพื่อสักการะศพท่าน พร้อมกับพากันวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ นานาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

พ่อท่านบุญมี วัดเภาเคือง

คณะกรรมการวัดจึงขอให้ทุกคนนั่งสงบพร้อมทำการสวดมนต์ ระหว่างนั้นพระเถระรูปหนึ่งได้ปรารภขึ้นว่า หากหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์จริงขอให้ไฟฟ้าติด แล้วสิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นอีกและพอสิ้นเสียงของพระเถระรูปนั้น ไฟฟ้าพลันติดสว่างไปทั่วทั้งวัดรวมไปถึงในอำเภอด้วย ชาวบ้านจึงส่งเสียงไชโยอีกครั้งจากนั้นเมื่อทุกคนประจักษ์แล้วว่า

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนแต่เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์จึงมีมติให้ เก็บสังขารหลวงพ่อบุญมี ไว้ในวัดต่อไปพร้อมทำการหาหีบโลงแก้วบรรจุสรีระของท่านโดย วันจันทร์ที่ ๑๓ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ เป็นวันนำสังขารท่านบรรจุลงในหีบโลงแก้วซึ่งตรงกับ วันมาฆบูชา ชาวบ้านจำนวนนับพันคนได้มาร่วมการบรรจุสังขารท่าน

พ่อท่านบุญมี วัดเภาเคือง

หลวงพ่อบุญมี โฆสธัมโม เป็นชาว ต.ไสหมาก อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช จึงได้ร่ำเรียนที่ วัดเภาเคือง เพราะยังไม่มีการจัดตั้งเป็นโรงเรียนท่านจึงเรียน อักษรไทย และอักษรขอม กับพ่อท่านจันทร์ อานฺโท อดีตเจ้าอาวาส วัดเภาเคือง พร้อมเรียนทั้ง วิชาแพทย์แผนไทย, โหราศาสตร์, ดูดวงชะตาชีวิต, ดูฤกษ์งามยามดี ที่ได้รับการสืบทอดจาก คุณพ่อทองย้อย เปียพลัด ผู้เป็นโยมบิดาของท่านซึ่งเป็น หมอใหญ่ รักษาโรคต่าง ๆ ให้กับชาวบ้านเพราะเป็นลูกศิษย์ของ พระครูอรรถธรรมโสรส (พ่อท่านซัง วัดวัวหลุง อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช) นั่นเอง

โดย หลวงพ่อบุญมี ได้ทำการอุปสมบทในปี พ.ศ.๒๕๓๕ ขณะท่านอายุ ๗๕ ปี โดยมี พระครูสุวรรณาภรณ์ (หนูราย ฐิตปุญฺโญ) เจ้าคณะตำบลบ้านเนินและเจ้าอาวาส วัดทาบทอง เป็นพระอุปัชฌาย์ได้รับฉายา โฆสธัมโม แปลว่า ผู้รู้ธรรมอันกึกก้อง ได้รับความไว้วางใจจากคณะสงฆ์อำเภอเชียรใหญ่ ให้เป็นครูสอนนักธรรมและควบคุมสนามสอบพระปริยัติธรรมติดต่อกันหลายปีและในปี พ.ศ.๒๕๔๐ พระอธิการเลื่อน สมาจาโร เจ้าอาวาสได้มรณภาพลง

พ่อท่านบุญมี วัดเภาเคือง

หลวงพ่อบุญมี จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสสืบต่อระหว่างนี้ท่านมักจะบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่เสมอ จนเป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านทั่วไปจนกระทั่งได้มรณภาพลงเมื่อ วันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๔๙ และได้บำเพ็ญกุศลเป็นเวลา ๑๔ วัน จึงทำการฌาปนกิจแล้วเกิดเหตุอัศจรรย์ดังกล่าวขึ้น และในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตได้สร้างมงคลวัตถุไว้จำนวนหนึ่งและมีประสบการณ์มากมาย ปัจจุบันสังขารของท่านได้เก็บรักษาไว้ในโลงแก้วและมีผู้ศรัทธาเลื่อมใสไปกราบขอโชคลาภกันมากมาย

เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๑ คุณสุรเชษฐ์ เดชนุ่น ช่างทองหลวงและ พระอธิการจำลอง อัคคโชโต เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันจะทำพิธีย้ายสังขาร หลวงพ่อบุญมี ขึ้นไปประดิษฐานไว้บนมณฑปที่สร้างเสร็จ

ขอบคุณ จู-จิราพร