กอนช.เตือน 4 จว.ภาคใต้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก-ดินถล่ม 1-2 วันนี้

3389
views

กอนช. เตือนประชาชน 4 จังหวัดภาคใต้ เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก-ดินถล่ม กทม.และปริมณฑล ระวังน้ำทะเลหนุนสูง 19 – 28 พ.ย.64

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ (18 พ.ย.64) ว่า ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็น ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณ จ.สตูล 146 มิลลิเมตร , นครศรีธรรมราช 134 มิลลิเมตร และยะลา 133 มิลลิเมตร ภาพรวมปริมาณน้ำใช้การแหล่งน้ำทั้งประเทศทุกขนาด 39,164 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 68 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 31,580 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 66 จุดเฝ้าระวังน้ำน้อยในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 5 แห่ง คือ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา เขื่อนแม่งัด เขื่อนภูมิพล อ่างเก็บน้ำแม่จาง และเขื่อนสิริกิติ์ ส่วนคุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร ณ จุดเฝ้าระวัง ในแม่น้ำสายหลัก แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง บางปะกงมีค่าความเค็มอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน สำหรับปริมาณออกซิเจนละลายน้ำ แม่น้ำท่าจีนมีค่าต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ยังได้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก – ดินถล่มช่วง 1-2 วันนี้ บริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และสุราษฎร์ธานี พร้อมเฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงช่วงวันที่ 19 – 28 พฤศจิกายน บริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นใกล้เคียง ประกอบกับ มีการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา คาดการณ์ระดับน้ำในแม่เจ้าพระยาบริเวณกองบัญชาการกองทัพเรือ ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้น ประมาณ 80 เซนติเมตร ถึง 2 เมตร ส่วนป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียง ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 1.70-1.90 เมตร จึงขอให้ฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ยังได้ติดตามการเกิดสถานการณ์น้ำหลากในพื้นที่ภาคใต้ ด้วยการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบภัย เนื่องจากภาคใต้ของประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ทำให้มีสถานการณ์ฝนตกหนัก ส่งผลให้เกิดอุทกภัย น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่หลายจังหวัด โดย จ.ชุมพร ประสบอุทกภัย บริเวณ อ.หลังสวน อ.สวี อ.ท่าแซะ อ.ทุ่งตะโก และอ.เมือง

เบื้องต้นรัฐบาลกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือให้ความช่วยเหลือ ซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของผู้ประสบภัย รวมทั้ง เร่งสำรวจความเสียหายและฟื้นฟูเยียวยาผลกระทบตามเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด พร้อมเน้นให้ความสำคัญการสร้างการรับรู้ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์น้ำ และการให้ความช่วยเหลือของภาครัฐกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันข้อมูลข่าวและที่มา

บทความต้นฉบับ