ภูเก็ต บูสต์เตอร์ เข็ม 3 แอสตราฯใต้ผิวหนัง ครั้งแรกของไทย

875
views

จ.ภูเก็ต – นำร่องฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 3 ซึ่งเป็นเข็มกระตุ้น เข้าทางผิวหนังแทนการฉีดเข้ากล้ามเนื้อให้กับประชาชน หลัง ก.สาธารณสุข ไฟเขียว เพราะผลวิจัยชี้วิธีการนี้สร้างภูมิต้านทานได้ดีไม่ต่างจากการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ และยังช่วยลดปริมาณวัคซีนได้ 5 เท่า ได้ผลเกือบเทียบเท่าฉีดกล้ามเนื้อ ผลข้างเคียงน้อย

วันที่ 24 ก.ย. ที่โรงยิมเนเซียม 4,000 ที่นั่ง ศูนย์กีฬาสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต จังหวัดภูเก็ตและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร่วมกับ รพ.วชิระภูเก็ต ทำการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้กับพี่น้องชาวภูเก็ต โดยเป็นการฉีดแบบใต้ผิวหนังเป็นครั้งแรกของประเทศ หลังได้รับการอนุมัติจากกระทรวงสาธารณสุข

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา นพ.เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผอ.รพ.วชิระภูเก็ตพร้อมด้วย พญ.ศุภลักษณ์ ละอองเพชร พญ.วิทิตา แจ้งเอี่ยม แพทย์ประจำ รพ.วชิระภูเก็ต ผู้ริเริ่มโครงการทำวิจัยฉีดวัคซีนเข็ม 3 ด้วยวัคซีน AstraZeneca แบบฉีดเข้าผิวหนัง โดยใช้ปริมาณวัคซีนเพียง 20% และแบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อทั่วไป โดยการวิจัยดังกล่าวมีอาสาสมัครอายุระหว่าง 18-60 ปี จำนวน 242 คนที่เคยได้รับวัคซีน Sinovac แล้ว 2 เข็มเข้าร่วมโครงการ

โดยแบ่งอาสาสมัครเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ได้รับการฉีดแบบทั่วไป (แบบเข้ากล้ามเนื้อ) 120 คน โดยได้รับวัคซีน 0.5 ml และกลุ่มที่ 2 ได้รับการฉีดแบบใต้ผิวหนัง 122 คน โดยได้รับวัคซีน 0.1 ml หรือ 1 ใน 5 ของการฉีดแบบทั่วไป ผลการทดลองพบว่าภูมิต้านทานของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแบบใต้ผิวหนังมีค่าเฉลี่ยสูงกว่าผู้ที่รับการฉีดวัคซีนแบบทั่วไปเล็กน้อย โดยผู้ที่รับการฉีดวัคซีนแบบใต้ผิวหนังมีภูมิคุ้มกันเฉลี่ย 17,662.3 AU/ml และผู้ที่รับการฉีดวัคซีนแบบทั่วไปมีภูมิคุ้มกันเฉลี่ย 17,214.1 AU/m ผู้รับวัคซีนทั้ง 2 กลุ่มมีค่าภูมิคุ้มเกินเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนด (840 AU/ml)

ส่วนผลข้างเคียงในการฉีดวัคซีนแบบใต้ผิวหนังมีน้อยกว่าการฉีดแบบทั่วไป เช่น มีไข้หรือปวดศีรษะเพียง 70 ราย เมื่อเทียบกับการฉีดแบบทั่วไป แต่การฉีดวัคซีนแบบใต้ผิวหนังจะมีผลข้างเคียงบริเวณที่ฉีดเช่น ระคายเคืองและบวมแดงมากกว่า แต่ไม่เป็นที่น่าวิตกกังวล ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงอนุมัติให้ภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่องในการฉีดเข็ม 3 แบบใต้ผิวหนัง

บทความต้นฉบับ

ภูเก็ตที่แรก บูสต์เข็ม 3 ฉีดแอสตราฯใต้ผิวหนัง ทั้งประหยัด-ภูมิขึ้นสูง