สลด!! สองผัวเมียเจ้าของธุรกิจพันล้าน จมสระน้ำรร.เสียชีวิตบนเกาะเต่า สุราษฎร์ธานี

4193
views

วันที่ 4 มิ.ย.64 เมื่อเวลาประมาณ 16.20 น. พ.ต.อ.เกรียงไกร ไกรแก้ว ผกก.สภ.เกาะเต่า ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลเกาะเต่าว่ามีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำภายในสระน้ำของโรงแรมแห่งหนึ่งบนเกาะเต่า โดยทั้งสองเป็นสามีภรรยาชาวไทย เชื้อชาติอินเดีย จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย ร.ต.อ.ศุภกิจ ชูคำ พนักงานสอบสวนฯ

จากการสอบสวนทราบว่าผู้เสียชีวิตทั้งสองรายชื่อ นายราเกซ สัจจธรรมกูล อายุ 59 ปี และนางอันชู สัจจธรรมกูล อายุ 55 ปี โดยทั้งสองคนสัญชาติไทย เชื้อชาติ อินเดีย เจ้าหน้าที่ได้สอบถามนายราตีช สัจจธรรมกูล อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นลูกชายของผู้เสียชีวิต และเป็นผู้ที่พบพ่อกับแม่จมน้ำภายในสระ บอกว่า ตนได้เดินทางมาเที่ยวเกาะเต่าพร้อมด้วยพ่อกับแม่เพื่อพักผ่อน และก่อนเกิดเหตุตนได้แยกไปเดินเล่นบริเวณชายหาด ส่วนพ่อและแม่ได้ขอเล่นน้ำที่สระน้ำของโรงแรม

เมื่อตนเดินขึ้นมาจากชายหาดมาถึงสระพบว่าพ่อกับแม่จมน้ำภายในสระทั้งสองคน จึงได้รีบแจ้งพนักงานของโรงแรมจากนั้นทีมแพทย์โรงพยาบาลเกาะเต่า และกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาเกาะเต่า ได้รีบเดินทางเข้าเพื่อช่วยชีวิตทั้งสองคนแต่พบว่าทั้งสองคนจมน้ำนานแล้วถึงแม้ทีมแพทย์จะพยายามช่วยชีวิต แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตทั้งสองไว้ได้

สำหรับนายราเกซ สัจจธรรมกูล และนางอันชู สัจจธรรมกูล เป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมห้าดาวในจังหวัดภูเก็ต และเป็นเจ้าของโรงงานฉีดพลาสติกในจังหวัดระยอง และจังหวัดปราจีนบุรี มีมูลค่ากว่าพันล้านบาท

พ.ต.อ.เกรียงไกร ไกรแก้ว ผกก.สภ.เกาะเต่า เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ และจากการตรวจสอบตามร่างกายเบื้องต้นไม่พบการถูกทำร้ายร่างกาย สำหรับสาเหตุการจมน้ำเบื้องต้นคาดว่านายราเกซ สัจจธรรมกูล หรือไม่นางอันชู สัจจธรรมกูล ได้จมน้ำก่อนที่อีกคนจะลงน้ำไปช่วย แต่ด้วยทั้งสองคนมีอายุมาก และด้วยอาการตกใจจึงทำให้ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ก่อนจมน้ำเสียชีวิตทั้งคู่

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งนายราติส ลูกชายอีกคนหนึ่งของผู้เสียชีวิตทั้งสองที่ขณะนี้อยู่ที่ประเทศอินเดีย เพื่อแจ้งให้ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.ศุภกิจ ชูคำ พนักงานสอบสวน สภ.เกาะเต่า จะได้สอบสวนถึงรายละเอียดและสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง หากญาติไม่ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิตเจ้าหน้าที่จะได้ให้นำร่างสองนักธุรกิจพันล้านไปดำเนินการตามประเพณีต่อไป

ขอบคุณภาพข่าวจาก สุชาติ หาญกิจ /