คนมีองค์ คือ คนมีบุญ

32689
views
คนมีองค์

คนมีองค์ คือคนที่มีครูบาอาจารย์ที่ ณ ขณะนี้ท่านสถิติอยู่บนสวรรค์ บนพรหมโลก ดูแลอยู่ ท่านส่องพระญาณมาดูแล บางท่านยังไม่รู้ว่ามีองค์ใน ค่อยดูแล บางท่านเริ่มสงสัย บางท่านเริ่มรู้ บางท่านรู้แล้ว และสามารถติดต่อกับองค์ใน

หรือองค์บารมีได้แล้ว ที่คนส่วนใหญ่ เรียกว่า ผ่านญาณ ผ่านญาณบารมี การผ่านญาณ ตัวผู้ถูกผ่าน รู้ตัว แต่ฝืนไม่ได้ ต่างกับการเข้าทรง ที่ตัวผู้เป็นร่าง จะไม่รู้เรืองราวที่เกิดขึ้นระหว่างการทรงเลย

ปู่ฤาษี

คนมีองค์ คือ คนมีบุญ เพราะมีสิงศักดิ์สิทธิ์ให้การดูแล ต่างกับคนทั่วไป ที่ดำเนินชีวิตตามลำพัง
คนมีองค์ มีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับประชากรของโลก และเมื่อเทียบกับประชากรไทย ก็ยังจัดว่าน้อยอยู่ เพียงแต่บางที่ในชีวิตประจำวันของเราอาจเจอกับกลุ่มคนเหล่านี้มากกว่าคนอื่น จึงดูว่าเหมือนมีจำนวนมาก ถ้าเทียบปริมาณในประเทศไทยแล้วคงอยู่ ราว ๆ ๑ ใน ล้านคนที่เดียว

คนมีองค์ องค์ท่านจะดูแลเรามาตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นอาจารย์ค่อยดูแลศิษย์ คนที่มีองค์ส่วนใหญ่ มักจะมีซิกเซนมาแต่กำเนิด

บางคนฝันแม่น บางคนรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า บางคนสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อย เมื่อวัยเด็ก แต่จำนวนมากที่เดียวที่ซิกเซนในวัยเด็กหายไป เมื่อผ่านเข้าสู่วัยรุ่น หนุ่มสวย เหมือนกับกระแสสัญญาถูกกลบด้วยเรื่องการเรื่อง เรื่องความรัก หรือภาวะสังคมบีบเค้นทำให้ซิกเซนนี้หายไป

ร่างทรงองค์เทพ
บางคนมักมีคำถามเกิดขึ้นเสมอว่า

– ทำไมทานเนื้อแล้วต้องอาเจียน จนสุดท้ายต้องเลิกทานเนื้อหันไปทานมังสวิรัติ หรือทานเจตลอดชีวิต

– ทำไมหน้าจึงดูแก่กว่าวัย ทั้ง ที่พี่น้อง ก็ไม่เห็นเป็นอย่างเรา

– ทำไมหน้าของเราจึงมีคนมองเห็นเป็นคนหลายวัย เช่น บางวันเขาก็ทักว่า วันนี้หน้าและ เสียง ท่าทางดูเหมือนเป็นผู้ใหญ่ เหมือนเป็นคนแก่วัยชรา พออีกวัน บอกว่าวันนี้ดูหน้าเด็กกิริยาท่าทางดูเหมือนเด็กหนุ่ม สาว หรือ วันนี้หน้าตาดูเหมือนผู้หญิงสวย ทั้งที่ตัวคนนั้นเป็นผู้ชายและไม่ได้เป็นกะเทย ไม่มีการแต่งกายเหมือนผู้หญิง แต่กระแสของคนที่สัมผัสนั้นดูเหมือนมีกระแสของผู้หญิงออกมาชัดเจน บางคนนิสัย อ่อนโยน แต่บางวันดูแข็งก้าว ดูดัน

นั่งทำสมาธิ

สรุปคือมีกระแสของอีกท่านหนึ่งส่งผ่านออกมา แล้วใครที่สัมผัสกับกระแสเหล่านี้ได้

๑. ผู้ทรงญาณ คนมีเซน ผู้ที่ฝึกสมาธิ

๒. เด็ก เด็กน้อยวัย ๑ – ๓ ขวบจะรับสัมผัสเหล่านี้ได้ จะเห็นว่า เด็กบางคนไม่ยอมให้ผู้ใหญ่บางคนอุ้มเลย ทั้ง ๆ ที่อาจเป็นญาติกัน เห็นหน้ากันมาตั้งแต่เกิดแล้วก็ตาม แต่เด็กบางคนยอมให้คนแปลกหน้าที่พึ่งเห็นหน้ากันไม่กี่นาทีอุ้ม หรือโผล่เข้าหา โดยไม่มีเหตุผล จนผู้ใหญ่งงก็มี

ลักษณะของคนมีองค์

๑. ชอบทำบุญมาแต่เกิด ชอบเข้าวัด ชอบสวดมนต์

๒. มีจิตใจดี เมตตา เป็นที่รักของผู้หลักผู้ใหญ่มาตั้งแต่เด็ก

๓. เมื่อเห็นรูปปั้น รูปภาพ สถานที่ที่เกี่ยวกับองค์ใน หรือมีคนเหล่าเรื่องราวเกี่ยวกับองค์ท่านให้ฟัง แล้วจะมีความรู้สึกที่ผิดแปลกไปจากปรกติ เช่น ปิติ ร้องไห้ น้ำตาไหล หาว เกิดอาการขนลุก ใจสั่น ฯลฯ

ฝันเห็นสถานที่นั้น ๆ

๔. ฝันเห็นสถานที่นั้น ๆ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในอดีต หรือฝันเกี่ยวกับองค์ท่าน

๕. นั่งสมาธิ แล้วท่านมาปรากฏในนิมิต ข้อนี้จะมีเป็นจำนวนน้อย คนที่เห็นต้องกล่าวคำอธิฐานของให้เห็นก่อน ท่านจึงปรากฏ ในเห็นในนิมิต นิมิตนี้ สามารถเห็นได้เมือจิตสงบถึงระดับญาณแล้วถอนมาอยู่ที่อุปจารสมาธิ

๖. เมื่อมีคนตามดูแล อยู่เสมอ เช่น บางช่วงของชีวิต มีปัญหา แล้วอธิฐานขอกับองค์ท่าน แล้วท่านก็ประทานให้ เช่น กำลังขาดทรัพย์ ท่านก็ให้โชค เจ็บป่วย หรือ คนรัก สามี ลูก พ่อ แม่ เจ็บป่วย ไม่รู้จะทำอย่างไร อธิฐานของน้ำมนต์กับองค์ท่าน ท่านก็ช่วยให้หายป่วยโดยปาฏิหาริย์

ร่างทรง-คนมีองค์

หลายคนมีของดีแต่มัวหลงระเริงกับสังคม มัวหลงใหลกับแสงสี เที่ยว ดื่ม กิน ผิดศีล ส่วนใหญ่ที่พบบ่อย คือผิดศีลข้อที่ ๕ มัวเที่ยวเพลินเพลิดกับสุรา ไม่ถือศีล ไม่สวดมนต์ ไหว้พระ ไม่นั่งสมาธิ มัวแต่กินเหล้า เที่ยวพับ เที่ยวกลางคืน พอสักระยะหนึ่ง ครูบาอาจารย์ ท่านมาตามให้กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี ท่านไม่มัวมาเข้าในฝัน หรือในนิมิต เพราะว่าสติสตางค์ช่วงนั้น ไม่มี ท่านก็จะใช้วิธี ทำให้หลาบจำ

โดยการทำให้เกิดอุบัติเหตุ ต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วเกิดสำนึกรู้ผิดรู้ชอบ หันหน้าเข้าหาทางธรรม หรือเมื่อเข้าโรงพยาบาลแล้ว ยังไม่รู้ตัว ท่านก็จะผ่าน พวกคนทรง หมอดู เมื่อพ่อแม่ ไปถาม ท่านก็จะดลจิตดลใจให้คนทรง หมอดู บอกกล่าว ตามที่ท่านสั่ง ทุกประการ ส่วนใหญ่แล้วไม่บวชเรียนตลอดชีวิต ก็ต้องบวชจิต กลับเนื้อกลับตัวไม่เช่นนั้น ตายสถานเดียว ซึ่งหลายคนเข้าใจผิด คนว่าตนเองมีกรรมหรือโชคร้าย แต่ตรงกันข้าม กลุ่มคนเหล่านี้ เป็นคนที่โชคดี หากไม่เช่นนั้นแล้วท่านก็จะให้มัวเมาอยู่ในวงสุราจนถึงอุบัติเหตุตายโหงไปในที่สุด

แล้วเมื่อรู้ตัวแล้วว่าเป็นคนมีองค์ จะทำอย่างไร แล้วองค์นั้นท่านเป็น ใคร เราจะรู้จักท่านได้อย่างไร เราจะติดต่อสื่อสารกับท่านทางไหนได้ เราจะต้องบวชชี บวชพระ หรือบวชจิต แล้วทางไหนเป็นทางเลือกบาง ชีวิตต่อไปจะดำเนินอย่างไร จะถามใครได้ เห็นเขาเปิดองค์กัน ที่นั่นที่นี้ ใช่หรือเปล่า ต้องไปรับขันธ์ไหม แล้วจะแต่งงานมีคู่เหมือนชาวบ้านได้หรือไม่ มีคู่แล้วต้องเลิกกันหรือ หรืออยู่ด้วยกัน แต่ห้ามยุ่งกัน หรือไม่ ทำอะไรได้บ้าง มีข้อห้ามอย่างไร ทำไม อย่างไร เมือไหร่ ที่ไหน ล้วนเป็นคำถามยอดฮิตเลยที่เดียว

ร่างทรง องค์เทพ

กลุ่มขององค์ใน

๑ กลุ่มพระสงฆ์ พระโพธิสัตว์ และฤๅษี คนกลุ่มที่มีองค์ในอยู่ทั้งที่เป็นพระสงฆ์ และองค์เทพพรหม ค่อยดูแล จะสามารถล่วงรู้ด้วยญาณของตนได้ว่า ผู้ใดมีองค์ในแบบเทพพรหม และผู้ใดมีองค์ในแบบพระสงฆ์ดูแลอยู่ สามารถบริหารจัดการคนที่มีองค์ได้ทั้งสองแบบ ซึ่งกลุ่มนี้มีจำนวนน้อย และมีแนวทางในการบำเพ็ญภาวนาที่แตกต่างกัน

๒ กลุ่มพระสงฆ์ พระโพธิสัตว์ คือ คนที่มีองค์เป็นพระสงฆ์ พระโพธิสัตว์ บำเพ็ญภาวนาจิตเพื่อพุทธะเพียงอย่างเดียวคอยดูแลคุ้มครองปกป้อง หรือสอนธรรม หรือเปลี่ยนวิถีชีวิตอยู่ กลุ่มนี้ หากได้รับการคุ้มครองก็จะพบปาฏิหาริย์ เช่น รอดตายหวุดหวิด หากได้รับการสอนธรรม ก็อาจได้เห็นนิมิตที่แฝงปริศนาธรรม หรือได้ยินเสียงทิพย์ หากกำลังถูกปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตก็จะถูกบีบเค้นอย่างหนักให้เข้าสู่ทางธรรม แต่ฝ่ายเดียว ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเลย สำหรับคนที่มีองค์ในแบบสมณะเหมือนกัน มักมองกันก็เข้าใจ คุยกันง่าย เข้าใจกันง่าย ในกลุ่มนี้ มักเป็นผู้นิยมเข้าวัดประจำๆ และนับถือพระมาก เช่น องค์ในเป็นหลวงปู่ทวด

องค์เทพ

๓ กลุ่มมหาเทพ มหาพรหม คือ กลุ่มที่มีเทพพรหม ประเภท มหาเทพฮินดู, มหาพรหม, เทพไทย เทพจีน เทพอียิป ฯลฯ มาคอยดูแลคุ้มครองปกป้อง หรือช่วยการงาน หรือเปลี่ยนวิถีชีวิตอยู่

๔ กลุ่มฤๅษีคือ กลุ่มที่มีฤๅษี นักพรต มาคอยดูแลคุ้มครองปกป้อง หรือช่วยการงาน หรือเปลี่ยนวิถีชีวิตอยู่ เช่น ปู่ฤๅษีนารอท ปู่ฤๅษีตาไฟ ปู่ฤๅษีภุชงค์ ปู่ฤๅษีนารายณ์ ฯลฯ

คนมีองค์จำเป็นต้องรับขันธ์ หรือไม่ ส่วนใหญ่ที่เห็นกันทั่วไป คนมีองค์มักต้องไปรับขันธ์ แต่ที่ผมทราบมา คนมีองค์ไม่จำเป็นที่ต้องไปรับขันธ์ที่ไหน แต่จำเป็นที่ต้องมีการเปิดองค์บารมี การเปิดองค์บารมีก็ไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย ๆ ที่แบบเปิดวันเดียวเสร็จ เมื่อเปิดองค์บารมีแล้ว จำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของครูบาอาจารย์สักช่วงระยะหนึ่ง หากไม่มีครูบาอาจารย์ดูแลแล้วอาจมีพวกผีมาแอบอ้างเป็นองค์บารมีแทน ได้ บางท่านใช้เวลา สี่เดือน บางท่านสามเดือน บางท่าน สองเดือน หรือตามความถี่ของการฝีกสมาธิ

พระเวทย์ คือภาษาเทพชั้นสูง ไว้สำหรับทำน้ำมนต์ เสกวัตถุมงคล ส่งวิญญาณ คนที่ได้รับการเปิดองค์บารมีแล้ว สิ่งที่ตามมาคือสัมผัสที่หก และภาษาเทพ โดยในระยะแรกจะยังไม่เข้าใจความหมายของภาษาพูดออก มา แต่พอระยะหนึ่งแล้วจะเริ่มรับรู้ถึงความรู้สึก และเข้าในความหมายได้ในที่สุด

บวชจิต

บวชจิต

หลายต่อหลายท่านที่ถูกกำหนดให้ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิต เช่น หลังจากเสเพมาเป็นเวลาอันควร หลังจากประสบอุบัติเหตุ หรือมีเรื่องราวที่เล่าให้ใครฟังแล้วก็มักจะถูกหาว่าบ้าแล้ว ก็มีเหตุให้รู้ว่าต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตอย่างเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นชีวิตจะถึงฆาต จะต้องบวชในบวรพระศาสนา หรือถูกบังคับให้มีทางเลือกเดียวคือบวช การบวชจิตถือเป็นทางเลือกหนึ่งของหลาย ๆ คนที่ยังมีภาระหน้าที่ที่ต้องดำเนินการ ต้องดูแลพ่อแม่ พี่น้อง ภาระหนี้สิน

ผู้ที่จะบวชจิตควรจะทีการชำระล้างร่างกายให้สะอาดด้วยศีล สมาธิ ลดเจ้ากรรมนายเวรลง

โดยการปฏิบัติธรรมอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร หมั่นกวาดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร เพราะบางทีเจ้ากรรมนายเวรเรา อาจโดนคุมขังในที่มือ ที่กังกัก จำเป็นต้องอาศัยพระแม่ธรณีน้ำบุญนี้ไปบอกกล่าว อาศัย แสงเทียน ส่องแสงแห่งบุญนี้ไปหาผู้ที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรที่อยู่ในหุบเหวลึกให้ได้รับรู้รับทราบและอโหสิกรรมกับเรา เมื่อกรรมเราลดน้อยลงไปแล้วถึงเวลาแห่งการขอรับบารมีจากองค์บารมีเข้าตัว ก็จะไม่มีสิ่งใดมาปัดมาขวางการรับบารมีจากองค์ในเรา

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา หลายท่านในชีวิตไม่ค่อยได้ปฏิบัติธรรม เมื่อองค์บารมีส่งญาณบารมีมา ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด เมื่อมีของที่ยิ่งใหญ่มาวางอยู่บนหัว บนบ่า หนักหัวหนักบ่า ไปรักษาที่ไหนก็ไม่หาย หรือมีอาการร้อน เป็นบางแห่งบางเวลา

บางท่านจะมีอาการสั่นในขณะนั่งสมาธิ สั่นแบบผีเข้า สั้นที่หัว เหมือนมีของที่มีกำลังมาส่งมาให้เด็กน้อยแบกรับไว เด็กตัวน้อยแบกรับไม่ไหวก็เซไปเซมา ฉะนั้นคนที่จะทำการเปิดองค์บารมี จำเป็น เป็นอย่างยิ่งทีต้องมีการชำระสิ่งแปลกปลอมให้ออกจากตัว โดยการอาบน้ำมนต์ชำระล้าง ชำระหนี้กรรมที่เหลือให้หมดไป ต้องถวายตัวเป็นศิษย์พระพุทธเจ้า เพื่อไม่ให้พวกมารมาแอบอ้าง ด้วยพุทธบารมีของพระสัมมาสัมพุทธะพุทธเจ้าจะได้ปกปักรักษาคุ้มครองตัว

คนมีองค์จะบูชาแต่องค์บารมีของตนเองใช่หรือไม่ ตอบว่าไม่ใช่ คนมีองค์ถ้าอยู่ในพระพุทธศาสนาก็ต้องนับถือพระพุทธเจ้าเป็นประธาน โดยตั้งแต่สมเด็จองค์ปฐมถึงองค์ปัจจุบัน เรียงมาตามลำดับ และมีองค์บารมีค่อยกำกับดูแล ความประพฤติของเราอีกที

ข้อห้ามของคนมีองค์ใน

 มหากาลี

๑. ห้ามกินของในงานศพ เพราะงานศพ จะมีสัมภเวสี มากินอาหาร หากเราไปกินก็เหมือนกินของเหลือผี เว้นแต่อธิฐานขอกินเฉพาะน้ำ
๒. ห้ามกินของเซ่นไหว้ ทุกชนิด เหตุผลเดียวกับข้อที่ ๑
๓. ของถวายองค์เทพ กรณีนี้จะละเอียดเข้าไปอีก หากว่าองค์บารมีเราเป็นองค์เทพชั้นล่าง ๆ ก็กินได้ หากองค์เทพเราสูงก็ไม่กินไม่ได้ สุดท้ายก็เลิกกิน
๔. ให้ถือศีล ๕ ศีล ๘ โดยเฉพาะข้อ ห้ามผิดลูกผิดเมีย คนอื่น และข้อ ๕
๕. ห้ามให้คนทรงเจ้ารดน้ำมนต์ อาบน้ำมนต์ เป่ากระหม่องยิ่งองค์บารมีเป็นองค์ชั้นสูงก็ยิ่งต้องงด แต่หากเป็นองค์ผ่านญาณชั้นสูง พระอริยะ พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ นี้ ยิ่งเป่ากระหม่องมากเท่าไหร่ยิ่งดี

พญานาค

การเรียกบารมีเก่า หรือการเชื่อมบารมี

ในยุคปัจจุบันมีกระแสของภัยพิบัติหนาหูหนาตา ไม่ว่าจะทางสื่อแขนงใดก็ตาม หากใช้วิธีนั่งสมาธิแบบเดิม ผนวชกับเวลาที่เหลือเพียงน้อยนิด คงไม่สามารถทำให้เกิดญาณ เกิดบารมี เกิดคุณวิเศษให้กับตัวเพื่อนำมาใช้ในช่วงของการเกิดภัยพิบัติได้ทัน การเชื่อมต่อกับบารมีเก่า การเรียกบารมีเก่า สัญญาเก่าที่ดี มาใช้ให้ทันเหตุการณ์ได้น่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งของยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นกรรมฐานหนึ่งใน กรรมฐาน ๔๐ กอง ซึ่งจะเป็นวิธีที่ลัดสั้น จนนั้นจึงต่อด้วยวิปัสสนากรรมฐานเพื่อตัดกิเลสต่อไป

ช่วงแรกของการเปิดสัญญาบารมีเก่านั้นจำเป็นต้องอยู่ใกล้ชิดครูบาอาจารย์ จนกว่าท่านจะอนุญาตให้กลับไปฝึกเองได้ที่บ้าน เมื่อฝึกไปเรื่อย ๆ บารมีเก่าก็จะเชื่อมต่อ เชื่อมติดแล้วก็จะสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ หากช่วงแรกนำไปฝึกที่บ้าน จะทำให้เหล่ามิจฉาทิฐิแฝงเข้ามาได้ ท่านจึงไม่อนุญาตให้ฝึกที่บ้าน

ท่านใดเป็นผู้เปิดสัญญาบารมีให้ ตอบคือ องค์ท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระเจ้า ผู้เป็นใหญ่เหนือ เทพ พรหมเทวา มนุษย์ สัตว์ นรก

คัดบางส่วนมาจากหนังสือ หลวงตาสอนศิษย์ เรื่องโพธิสัตว์ และการสร้างบารมี

พระโพธิสัตว์

*”พระโพธิสัตว์ท่านไม่ได้แยกร่างมาเกิด แยกร่างแบ่งร่างไม่ได้ ถ้าจะลงมาเกิด ก็ลงมาได้แค่องค์เดียวเท่านั้น ส่วนที่เหลือไม่ใช่ เป็นการฝากพลังงานของท่าน”

“บางครั้งท่านจะฝากกระแสของท่านมากับ เหล่าเทวดาที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับท่านที่จะลงมาเกิด เพื่อให้ช่วยงานบางประการ ตัวท่านก็เกิดอยู่ที่หนึ่ง เทวดาที่ได้รับการฝากกระแสก็ไปเกิดที่อีกที่หนึ่ง แยกกันทำงานไป”

“ผู้ที่ได้รับฝากกระแสมานั้น จะมีกระแสพลังงานของโพธิสัตว์องค์นั้นอยู่ด้วย ถ้าเขาคนนั้นโตขึ้นมา ได้ปฏิบัติสมาธิภาวนาจนเห็นพลังงานได้ ก็จะเห็นพลังงานที่พระโพธิสัตว์เหล่านั้นฝากเอาไว้ ถ้าจิตไม่พิจารณาให้ละเอียดจริง ๆ จะแยกยากๆ ไม่ใช่เป็นแค่การฝากกระแสลงมาเท่านั้น หรือถ้าคนอื่นที่พอจะมองเห็นพลังงานมาดู ถ้าดูไม่ละเอียดพอ ก็จะเห็นแค่พลังงานของพระโพธิสัตว์องค์นั้น ๆ ที่ฝากมา

เพราะพลังงานนั้นมักมาก ก็อาจจะหลงคิดไปได้ว่า คนนั้น คนนี้เป็นพระโพธิสัตว์องค์นั้นองค์นี้กลับชาติมาเกิด เลยทำให้เดี่ยวนี้มีคนบอกว่าพระองค์นั้นองค์นี้ เป็นองค์นั้นองค์นี้กลับชาติมาเกิดซ้ำกันไปมาเต็มไปหมด จริง ๆ ไม่ใช่ ท่านแยกร่างไม่ได้ ท่านลงมาได้แค่องค์เดียว สวนองค์อื่น ๆ เป็นการฝากกระแสเท่านั้น”

พระโพธิสัตว์

*”แต่พวกที่ได้รับการฝากกระแสมานี้ดูยากมาก ๆ เรื่องของโพธิญาณละเอียดอ่านมากๆ เพราะผู้ที่จะได้รับการฝากกระแสมาได้นี้ ต้องเป็นผู้มี่กรรมเกี่ยวเนื่องกับพระโพธิสัตว์องค์นั้น ๆ ด้วย จึงฝากกระแสกันมาได้ และเมื่อท่านฝากกระแสของท่านมา บวกกับพระแสเดิมของผู้นั้นเกี่ยวข้องกับท่านอยู่แล้ว ก็เลยยิ่งทำให้กระแสพลังงานนั้นใกล้เคียงกับท่านมากเข้าไปอีก ดูยากมาก”

*”บางองค์ท่านจะฝากกระแสก่อนตายเลย เล็งไว้เลยว่าจะไปเกิดสร้างบารมีเป็นลูกใครต่อ อาจเป็นลูกศิษย์ลูกหา หรือผู้เกี่ยวข้องกับท่าน แล้วอธิฐานฝากกระแสไว้ตั้งแต่เธอแต่งงาน พอท่านมรณภาพปั๊บ ก็ไปเกิดสร้างบารมีต่อในท้องของหญิงคนที่ท่านได้พิจารณาเอาไว้แล้วเลย”

*”หรือ ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ท่านยังมรณภาพไม่ได้ เด็กที่จะมาเกิดกับหญิงคนนั้น ก็จะกลายเป็นผู้ได้รับฝากกระแสตรงนี้ไปด้วย เด็กคนนั้นจะมีลักษณะนิสัยท่าทางคล้ายกับท่านผู้อธิฐานฝากกระแสไว้มากๆ “

Buddhayan