หนุ่มสุราษฎร์ฯ ไม่จ่ายค่าผ่อน โดนยึดมือถือ แค้นทำลูกร้องไห้ ตบะแตกบุกบ้านรัวกระสุนเมียตาย ผัวสาหัส

1509
views

เมื่อเวลา 20.50 น.ของวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 พ.ต.ท.ชัยศักดิ์ นาชัยเพ็ชร สารวัตรสอบสวนสภ.บางมะเดื่อ อ.พุนพิน จ.สุราษฏร์ธานีรับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บสองราย หลังรับแจ้งได้รายงานผู้บังคับบัญชาและเดินทางไปตรวจสอบพร้อมจนท.กู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาแท่นแก้ว

ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 1/1 ม.5 ต.บางมะเดื่อ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานีพบผู้บาดเจ็บสองรายทราบว่าเป็นสามี-ภรรยากันคนเจ็บรายแรกชื่อนางอุษา แขวงเสวียด อายุ 57 ปี ถูกยิงบริเวณลำตัว 2 นัด พลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลท่าโรงช้าง อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี แต่นางอุษาทนพิษบาดแผลไม่เสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา

ส่วนผู้บาดเจ็บอีกรายทราบชื่อคือนายศุภชัย แขวงเสวียด อายุ 61 ปีซึ่งเป็นสามีผู้ตายอยู่บ้านหลังที่เกิดเหตุมีบาดแผลถูกยิงบริเวณหน้าท้อง1นัดอยู่ในอาการสาหัสแพทย์ได้ช่วยชีวิตจนพ้นขีดอันตราย

จากการสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ทราบว่าผู้ลงมือก่อเหตุครั้งนี้คือนายสราวุฒิ อินทชาติ อายุ 42 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 1/5 ม.5 ต.บางมะเดื่อ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานีซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกันหลังจากก่อเหตุแล้วได้ขับมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าไม่ทราบหมายทะเบียนหลบหนีไป

เบื้องต้นทราบว่าก่อนเกิดเหตุ น.ส.เขมิกา สิทธิกูล ซึ่งเป็นลูกสาวของผู้ตายและผู้บาดเจ็บได้ตกลงขายโทรศัพท์มือถือให้กับผู้ก่อเหตุโดยตกลงว่าจะผ่อนชำระให้ กระทั่งผ่านไปนายสราวุฒิไม่ได้ผ่อนชำระค่าโทรศัพท์ตามที่ได้นัดไว้นส.เขมิกาซึ่งเปิดร้านโทรศัพท์มือถือจึงไปทวงถามที่บ้านแต่ไม่พบตัวนายสราวุฒิจึงได้ยึดโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวซึ่งลูกของนายสราวุฒิกำลังใช้อยู่กลับคืนมา

เมื่อนายสราวุฒิกลับมาถึงบ้านลูกสาวได้บอกว่านส.เขมิกาได้มายึดโทรศัพท์มือถือไปแล้วจึงได้ขับรถจยย.มาที่บ้านของนส.เขมิกาเพื่อจะเจรจาขอโทรศัพท์มือถือคืนให้ลูกสาวปรากฎว่านส.เขมิกาไม่ยอมคืนให้จึงมีปากเสียงเถียงกันดังลั่นโดยมีพ่อและแม่ของนส.เขมิการ่วมอยู่ในเหตุการณ์ด้วย

ขณะที่กำลังมีปากเสียงกันอยู่นั้นนายสราวุฒิซึ่งอยู่ในอารมณ์โกรธได้ชักอาวุธปืนที่พกติดตัวมายิงใส่นางอุษาและนายศุภชัยสองผัวเมียจนล้มลงและได้ขับรถจยย.หลบหนีไป

หลังเกิดเหตุพลเมืองดีได้นำผู้บาดเจ็บทั้งคู่ส่งโรงพยาบาลแต่นางอุษาทนพิษบาดแผลไม่ไหวเนื่องจากกระสุนเข้าจุดสำคัญและได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนนายศุภชัยผู้เป็นสามีทางโรงพยาบาลท่าโรงช้าง ได้ส่งตัวไปทำการรักษาต่อที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี

คดีนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

ต้นฉบับ