“พระไม้กวาด”

1971
views

ในสมัยพุทธกาล มีพระรูปหนึ่งชื่อพระสัมมัชชนเถระชอบกวาดวัด จนใครต่อใครพากันเรียกว่า “พระไม้กวาด” เพราะไม่ว่าจะไปทางไหนท่านจะถือไม้กวาดติดมือไปด้วยเสมอ

พระไม้กวาด

วันหนึ่ง ท่านถือไม้กวาดเดินท่อมๆไปตามลานวัด เห็นพระเรวตะน้องชายพระสารีบุตรนั่งพักกลางวันอยู่ เกิดความไม่พอใจ

“ท่านเรวตะ ทำไมท่านถึงขี้เกียจตัวเป็นขนอย่างนี้ อะไรกันกินข้าวชาวบ้านแล้วมานั่งเฉยๆ จะจับไม้กวาดไปกวาดที่ไหนสักแห่งไม่ได้เชียวหรือ”

พระเรวตะเป็นพระอรหันต์ ถูกพระไม้กวาดชี้หน้าด่า ท่านก็ไม่แสดงอาการโกรธเคืองอันใด
“เราควรจะเตือนเขา” พระเรวตะคิดอยู่ในใจ

พระไม้กวาด

จากนั้นจึงได้กล่าวกับพระไม้กวาดว่า “ผู้มีอายุ สรงน้ำแล้วมาหาผมหน่อยนะ”
“มาทำไม” พระไม้กวาดเสียงแข็ง “มาเถอะมีเรื่องจะพูดด้วย” พระเรวตะอ้อนวอน
“พูดเดี๋ยวนี้ก็ได้” พระไม้กวาดวางท่า
“ไปสรงน้ำก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน”
“ก็ได้”

พระไม้กวาด

หลังจากสรงน้ำเสร็จแล้ว พระไม้กวาดก็แบกไม้กวาดมาหาพระเรวตะ และทันทีที่มาถึง
“เอ้ามีอะไรว่าไป ท่านเรวตะ”
“ใจเย็นๆ” พระเรวตะขอร้อง
“วางไม้กวาด… หาที่นั่งเสียก่อนซิ”
พระไม้กวาดแสดงท่าไม่พอใจ แต่ก็จำยอมวางไม้กวาดแล้วนั่งลงข้างหน้าพระเรวตะ

พระไม้กวาด

เมื่อพระไม้กวาดนั่งเรียบร้อยแล้ว พระเรวตะจึงได้กล่าวเตือนขึ้นว่า “พระเราไม่ควรจะทำกิจเพียงแค่กวาดวัดเท่านั้น กิจอื่นมีอีกมากมายนัก หน้าที่สำคัญของการบวชในพระพุทธศาสนา คือการทำลายกิเลส ให้หมดสิ้นไป กวาดวัดอย่างเดียวไม่ช่วยให้กิเลสหมดหรอก มิหนำซ้ำจะเป็นการเพิ่มกิเลสเสียด้วยซ้ำ”

พระไม้กวาดมองหน้าพระเรวตะด้วยความสงสัย

พระเรวตะเข้าใจดี จึงกล่าวต่อไปว่า “การทำความดี แล้วยึดติดในความดี นั่นแหละคือการเพิ่มกิเลส อย่างเช่นท่านกวาดวัด แล้วมีความภาคภูมิใจว่าตัวเองขยัน เห็นคนอื่นเขาไม่ทำอย่างตัว ก็เลยเหมาเอาว่าคนอื่นเขาขี้เกียจ แล้วไปเที่ยวระรานคนอื่นเขา อย่างนี้ถูกหรือ”

พระไม้กวาดก้มหน้านิ่งไม่ตอบ

พระเรวตะจึงแนะวิธีให้ “เอาอย่างนี้ซิผู้อาวุโส เช้ากวาดเสียครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ไปบิณฑบาต ฉันเรียบร้อยแล้วกลับมาที่พัก อย่าทำอย่างอื่นนอกจากสาธยายอาการ 32 แล้วก็เจริญวิปัสสนาไปด้วย ทำไปจนเย็น แล้วค่อยออกไปกวาดใหม่”

พระไม้กวาด

พระไม้กวาดน้อมรับคำเตือนของพระเรวตะ ปฎิบัติตามไม่ช้าไม่นานก็ได้บรรลุธรรม
เนื่องจากลานวัดมีบริเวณกว้าง กวาดแค่เช้ากับเย็นไม่พอ สถานที่ต่างๆก็เลยกลับรกขึ้นมาอีก แต่ท่านก็ทำใจได้ เพราะวางเฉยเสีย ถือว่าทำเท่าที่ทำได้

พระในวัดก็ชักสงสัยเลยถามท่าน “ท่าน…ที่นี่รกจังเลย ทำไมไม่เห็นค่อยกวาดเล่า”
พระไม้กวาดตอบว่า “เมื่อก่อนผมมัวแต่กวาดที่ข้างนอก ข้างในจึงรก เดี๋ยวนี้ผมกวาดข้างในได้สะอาดแล้ว ข้างนอกจึงรก”

ภิกษุทั้งหลายจึงได้มากราบทูลแด่พระศาสดาว่า “พระเถระนี้ พยากรณ์ อรหัตผล.” พระศาสดาจึงตรัสว่า “จริงอย่างนั้น ภิกษุทั้งหลาย บุตรของเรา เที่ยวกวาดอยู่ในเวลาประมาทในกาลก่อน แต่บัดนี้บุตรของเรายับยั้งอยู่ด้วยความสุขซึ่งเกิดแต่มรรคผล จึงไม่กวาด” ดังนี้แล้วตรัสพระคาถานี้ว่า:

“ก็ผู้ใดประมาทในก่อน ภายหลังไม่ประมาท,ผู้นั้นย่อมยังโลกนี้ให้สว่างได้ เหมือนดวงจันทร์พ้นแล้วจากหมอกฉะนั้น.”

เจริญพร เจริญธรรม / สำนักปฏิบัติธรรมอุดมทรัพย์ วัดอโศการาม