จับตาย 2 โจรใต้ หลังปะทะรอบ 2 ที่ปัตตานี ไล่ล่าที่เหลืออีก 3

2890
views

จากเหตุเจ้าหน้าที่ยิงปะทะกลุมคนร้ายพื้นที่ป่าละเมาะในหมู่บ้านบือแนจือแล ม.2 ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ขณะเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงเข้าปิดล้อมตรวจค้น ซึ่งฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหารถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ถูกนำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา 1 นายและ รพ.ยะรัง จ.ปัตตานี 2 นาย ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว

ล่าสุด เวลา 17.00 น. วันที่ 14 ส.ค. พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ เสนาธิการ กองทัพภาคที่ 4 ในฐานะ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ซึ่งเดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุ รับฟังการรายงานสถานการณ์จาก พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผบ.ฉก.ทพ.43 เปิดเผยว่า สถานการณ์ยังคงมีการปิดล้อมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากหลังเหตุปะทะครั้งแรกทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งในเวลานั้นพบว่าคนร้ายมีด้วยกัน 5 คนพร้อมอาวุธครบมือ สามารถหลบหนีไปได้

เจ้าหน้าที่ได้เสริมกำลังเข้าปิดล้อมอย่างหนักเพื่อกดดันและช่วงที่มีการเจรจาให้คนร้ายออกมามอบตัวนั้น ปรากฏว่าเกิดการยิงปะทะขึ้นอีกครั้งที่ 2 ซึ่งการปะทะครั้งที่ 2 กินเวลาร่วม 15 นาที เมื่อเสียงปืนสงบ เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าไปเคลียร์พื้นที่ได้เพราะไม่แน่ใจว่าคนร้ายหลบซ่อนตัวจุดไหน และบริเวณโดยรอบเป็นทุ่งนา มีป่าละเมาะสูง คนร้ายอาจจะฉวยโอกาสยิงใส่ ทางผู้บังคับบัญชาได้กำชับเสมอว่าขอให้ปฏิบัติภารกิจจากเบาไปหาหนัก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กระชับพื้นที่และกดดันต่อเนื่องเพื่อหวังให้คนร้ายมอบตัว

จากนั้นชุดปฏิบัติการจู่โจมได้เข้าไปเคลียร์พื้นที่จุดปะทะพบคนร้ายถูกวิสามัญ 2 ศพ ยึดอาวุธปืนคนร้าย 2 กระบอก ประกอบด้วย ปืนอาก้าและปืนสั้น ขนาด 9 มม. จึงได้ประสานไปยังแพทย์ รพ.ยะรัง และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าชันสูตรพลิกศพ เบื้องต้นจากการตรวจสอบ ทั้ง 2 ศพทราบชื่อ นายมะสุกรี สารูเมาะ และนายอันวา กอแล

อย่างไรก็ตาม การปิดล้อมยังคงดำเนินต่อไปตามยุทธวิธี เพราะเชื่อว่า ยังคงมีคนร้ายที่เหลืออีก 3 คนหลบหนีอยู่ในพื้นที่ และไม่สามารถหนีไปไหนได้ไกล ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังตรึงพื้นที่ปิดล้อมตรวจค้นอย่างต่อเนื่อง

โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวอีกว่า ภารกิจครั้งนี้ ถือเป็นการปฏิบัติต่อเนื่องของชุดจรยุทธ์ในการไล่ล่ากลุ่มก่อความไม่สงบที่ก่อเหตุลอบวางระเบิดชุดคุ้มครองครูเมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา รวมไปถึงการดำเนินการปิดล้อมพื้นที่เป้าหมายเพื่อกดดันและปิดช่องว่างไม่ให้กลุ่มก่อความไม่สงบหรือแนวร่วมมีโอกาสออกมาก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่

อ่านต้นฉบับ >