เผยประโยชน์ สรรพคุณ ของ “ใบชะพลู” พืชหาง่าย-แพร่ขยายเร็ว

2149
views
ชะพลู

ชะพลู หรือ ช้าพลู (ชื่อวิทยาศาสตร์: Piper sarmentosum Roxb.) เป็นพืชในวงศ์ Piperaceae มักสับสนกับพลู แต่ใบรสไม่จัดเท่าพลูและมีขนาดเล็กกว่า ชะพลูเป็นพันธุ์ไม้ที่ชอบพื้นที่ลุ่ม มีความชื้น ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำ โดยการเลือกกิ่งที่มีใบอ่อนและใบแก่ เด็ดใบแก่ออกและนำไปปักชำได้

ใบชะพลู

ชะพลูมีชื่อพื้นเมืองอื่น ๆ อีกคือทางภาคเหนือเรียกว่า “ผักปูนา” “ผักพลูนก” “พลูลิง” “ปูลิง” “ปูลิงนก” ทางภาคกลาง เรียกว่า “ช้าพลู” ทางภาคอีสานเรียกว่า “ผักแค” “ผักปูลิง” “ผักนางเลิด” “ผักอีเลิด” และ ทางภาคใต้เรียกว่า “นมวา”

ใบชะพลู พืชหาง่าย-แพร่ขยายเร็ว

ชะพลู ผักใบเขียวเข้ม มีเบต้าแคโรทีนสูง ต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งเซลล์มะเร็ง บำรุงสายตา แก้โรคตาฟาง มีเบต้าแคโรทีนสูง มีวิตามินเอ ธาตุแคลเซียมปริมาณสูงมาก ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส คลอโรฟิลล์ กากใยอาหารสูง มีประโยชน์ต่อร่างกายแทบทั้งสิ้นบำรุงธาตุ ขับลม แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ และช่วยในการขับเสมหะ

ใบชะพลู พืชหาง่าย-แพร่ขยายเร็ว

สรรพคุณ

ผล – เป็นส่วนผสมของยารักษาโรคหืด แก้บิด
ราก ต้น ดอก ใบ – ขับเสมหะ
ราก – แก้ธาตุพิการ บำรุงธาตุ แก้ท้องขึ้นอืดเฟ้อขับลม แก้บิด
ทั้งต้น – แก้เสมหะ ท้องอืด ท้องเฟ้อ

ชะพลู

วิธีและปริมาณที่ใช้รักษาโรคเบาหวาน
– ใช้ชะพลูสดทั้ง 5 (หมายถึงทั้งต้นรวมราก) จำนวน 7 ต้น ล้างน้ำให้สะอาด ใส่น้ำพอท่วม ต้มให้เดือดสักพัก นำมาดื่ม เหมือนดื่มน้ำชา

ข้อควรระวัง
– จะต้องตรวจน้ำตาลในปัสสาวะก่อนดื่มและหลังดื่มทุกครั้ง เพราะว่าน้ำยานี้ทำให้น้ำตาลลดลงเร็วมาก ต้องเปลี่ยนต้นชะพลูใหม่ทุกวันที่ต้ม ต้มดื่มต่อไปทุกๆ วัน จนกว่าจะหาย

แกงใบชะพลู

แก้ท้องอืดเฟ้อ ขับลม
– ใช้ราก 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 1/2 ถ้วยแก้ว รับประประทานครั้งละ 1/2 ถ้วยแก้ว

แก้บิด
– ใช้รากครึ่งกำมือ ผล 2-3 หยิบมือ ต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 ถ้วยแก้ว กินครั้งละ 1/4 ถ้วยแก้ว

ชะพลู

ข้อควรระวัง ไม่ควรกินมากหรือกินติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะแคลเซียมสูงมาก จะเปลี่ยนเป็นแคลเซียมออกซาเลต (Oxalate) เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนิ่วในไตได้ ถ้ากินใบชะพลูมากๆ ต้องดื่มน้ำตามมาก ๆ เพื่อให้สารออกซาเลตเจือจางและถูกขับออกทางปัสสาวะ หรือจะเลือกกินกับนอาหารที่มีโปรตีนสูง จะป้องกันโรคนิ่วได้ อาหารอะไรก็ตาม ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม คำว่า “เดินทางสายกลาง” ใช้ได้เสมอ

ขอบคุณข้อมูลจาก : http:// samunpraibann.com