เป็นทุกข์เพราะความคิด หยุดคิด คิดเป็นอย่างมีสติ

2018
views
หยุดคิดอย่างมีสติ

ความคิด มันเป็นเรื่องธรรมดาของคนเราอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ใครล่ะที่จะหยุดคิดได้

ปัญหาของคนเราส่วนใหญ่คือการควบคุมความคิด บางคนไม่สามารถควบคุมความคิดของตนเองได้ โดยที่เขาไม่รู้ตัว เขาจึงคิดๆๆๆๆ เมื่อมีปัญหาหนักๆ และคุมความคิดไม่เป็น หยุดความคิดไม่เป็น ย่อมเป็นอันตรายต่อ ตัวเขาเอง หรือบุคลรอบข้าง สังคมเดือดร้อนเพราะบุคคลประเภทนี้บ่อยขึ้นถี่ขึ้น

ทำอย่างไรเราจึงควบคุมความคิดได้ ต้องเริ่มจากฝึกให้หยุดคิดเป็น
การหยุดคิดเป็นมิได้เกิดกับทุกคน หรือเกิดก็อาจไม่เต็มประสิทธิภาพ เราจึงควรหันมาสนใจฝึกฝนอย่างจริงจังเพื่อประโยชน์แก่ผู้ฝึกเอง

หยุดคิด

การฝึกหยุดคิดตามหลักของศาสนาคือต้องรู้จักถอนสมมติบัญญัติ ฝึกหยุดคิดคือฝึกถอนสมมติบัญญัตินั่นเอง

เราว่างเมื่อไร ว่างเวลาใด จงสนใจฝึกถอนสมมติบัญญัติทันที ไม่นานคุณก็จะหยุดคิดเป็น ฝึกจนชำนาญก็จะสามารถ ดับทุกข์ได้ เป็นของแถม เพราะธรรมะสองข้อนี้เกี่ยวเนื่องกัน

สังเกตุดูเมื่อเราเริ่มต้นคิด ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องดีๆ แต่คิดไปเรื่อยๆกลับไปคิดเรื่องที่ทำให้เราเป็นทุกข์
และลองคิดดูถ้าครั้งใดเรามีเรื่องร้ายให้เริ่มต้นคิด มันจะคิดไปสู่ความเลวร้ายเพิ่มมากขึ้น มากขึ้น จนบางคนเอาไม่อยู่จึงเกิดการทำลายสิ่งของ ทำร้ายตนเอง ทำร้ายคนอื่น และบางทีทำร้ายคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เป้นจำนวนมากๆ ซึ่งมีข่าวเช่นนี้อยู่ทั่วทุกมุมโลก ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้ว

ดังนั้นแม้ขณะที่เรายังไม่มีเรื่องร้ายๆให้คิด หรือยังไม่มีความทุกข์สาหัสสากรรจ์ เราก็ต้องฝึกหยุดคิดให้เป็น เพื่อเอาไว้เป็นเกราะป้องกันตัวเอง เหมือนบ้านต้องมีถังดับเพลิง จะได้ใช้หรือไม่ได้ใช้ก็ต้องมี เช่นเดียวกับคนเราจะมีทุกข์หรือไม่มีทุกข์ ก็ต้องฝึกหยุดคิดให้เป็น

สมมุติบัญญัติ

วิธีการฝึกหยุดคิดที่ได้ผลที่สุดคือ การถอนสมมติบัญญัติ ต้องทดลองทำ และทำให้ได้ผลจริงๆ ท่านก็จะหยุดคิดเป็น

อะไรคือ”สมมุติบัญญัติ” ตัวอย่างเช่น หนังสือ หนังสือคือสมมติไม่ใช่ของจริง เพราะของจริงมันคือกระดาษเอามาเย็บรวมกัน ตัวตนที่แท้ของหนังสือไม่มี ที่แท้จริงมันคือกระดาษ และกระดาษก็เป็นสมมติอีกเพราะที่แท้มันเป็น เยื่อไม้ เยื่อฟาง เยื่อไม้หรือเยื่อฟางก็มิใช่ของจริงอีก เพราะแท้จริงมันคือ ธาตุคาร์บอน หรือกล่าวโดยสรุป ทุกข์สรรพสิ่งในจักรวาลนี้ ล้วนเป็นสมมติบัญญัติทั้งสิ้น สิ่งที่แท้จริงคือโลกนี้มีแต่ธาตุๆๆๆๆๆ

“จงมองทุกอย่างด้วยความเป็นธาตุ” มองบ่อยมองเรื่อยๆ เมื่อมีปัญหาไม่ว่าหนักเบาถ้าเราอยากหยุดคิดเป็น ก็กำหนดทำไว้ในใจว่า มันแค่ธาตุตามธรรมชาติ มันเป็นเรื่องของธาตุ จะไปสนใจอะไรกับธาตุ ธาตุมีทั้ง วัตถุธาตุ และนามธาตุ เราจึงกำหนดทั้งรูปธรรมนามธรรมเป็นธาตุได้หมด

แบบทดลอง ทุกๆเรื่องที่กล่าวมา ต้องลงมือทำ วันละเล็กวันละน้อย แบบโน้นบ้าง แบบนี้บ้าง จะเพิ่มพลังจิตผู้ทดลองให้เข้มแข็งขึ้น เวลามีปัญหาชีวิต จะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างวิเศษ แต่ต้องลองทำ อย่าแค่รู้เฉยๆ ถ้ารู้เฉยๆ เวลามีปัญหาจะไม่มีพลังเพียงพอที่ใช้แก้ปัญหาได้

ธรรมธาตุ

เหมือนหลายคนที่ฆ่าตัวตาย ถามว่าพวกเขารู้ไหมว่าอย่าไปยึดถือ อย่าไปจริงจังกับสิ่งนั้นสิ่งนี้ ทุกคนรู้หมด แต่พอเจอปัญหาจริงๆ ไม่รู้วิธีไม่มีวิธี ที่จะทำให้ไม่ยึดถือไม่จริงจัง ไม่รู้จะทำยังไง คิดแต่ปัญหาที่ตัวเองประสบ ยิ่งคิดยิ่งตัน ยิ่งคิดยิ่งมืด หยุดคิดไม่ได้ คิดต่อก็ทุกข์จนทนไม่ไหว เลย ตายดีกว่า นี่คือความจริงอันโหดร้ายของธรรมชาติ แต่เราป้องกันได้ ด้วยคาถาพระพุทธเจ้า”จงมองทุกอย่างด้วยความเป็นธาตุ”

“จงมองทุกอย่างด้วยความเป็นธาตุ มองเห็นทุกสิ่งเป็นธาตุคราใด ก็หยุดคิดเป็นครานั้น หยุดคิดเป็นคราใด ก็หยุดทุกข์เป็นครานั้น นี่คือความจริงของธรรมชาติที่ค้นพบได้ด้วยตัวเอง ใครค้นพบได้ก่อน ก็ดับทุกข์ได้ก่อน”

เรียบเรียง