พ่อท่านท้วง คุณุตตโร สำนักสงฆ์คลองแคว อ.พรหมคีรี นครศรีธรรมราช

10156
views
พ่อท่านท้วง คุณุตตโร

หลวงพ่อท้วง คุณุตฺตโร สำนักสงฆ์คลองแคว อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช : พ่อท่านท้วง นามเดิมชื่อ นายท้วง เถาว์ชู บิดาชื่อ นายทอง เถาว์ชู มารดาชื่อ นางซ่าน เถาว์ชู เกิดที่บ้านหัวป่าขลู ต.ป่าระกำ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ตรงกับวันจันทร์ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๙ พ.ศ. ๒๔๖๘ พ่อท่านเป็นคนปากพนัง

หลวงพ่อท้วง คุณุตฺตโร

กำเนิดที่บ้านป่าระกำเหนือ อาศัยทำมาหากินตามสายน้ำปากพนังมาตลอดตามประสาชาวนาทั่วไป จนอายุย่างเข้าวัยเด็กพ่อของท่านได้นำไปฝากไปฝากไว้กับพ่อท่านมุ่ย วัดป่าระกำเหนือ ซึ่งเป็นพระเกจิที่เรืองวิทยาคมมาก และเป็นที่เคารพนับถือกับบิดาของท่าน จึงนำท่านไปรู้จักและฝากฝังซึ่งพ่อท่านท้วงก็เป็นสหธรรมมิกกับ พ่อท่านเนียม เจ้าอาวาสวัดบางไทร  และมีความสนิทสนมกัน มาตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งบางท่านอาจไม่เคยทราบมาก่อน

มีครั้งหนึ่งมีโยมไปเยี่ยมพ่อท่านเนียม แห่งวัดบางไทร แล้วถามถึง หลวงพ่อท้วงว่ามีดียังใงบ้าง พ่อท่านเนียมก็กล่าวว่า “เรานับถือท่านท้วง ท่านท้วงก็นับถือเรา” ต่อมาเมิ่อพ่อท่านท้วงออกจากวัด วัดป่าระกำเหนือ เพื่อประกอบสัมมาอาชีพ โดยท่านได้ประกอบอาชีพแจวเรือจ้างข้ามฝั่งระหว่างแม่น้ำปากพนัง

ระหว่างนั้นท่านได้พบปะกับท่านโอภาษีแห่งอาศรมบางมดบ่อยครั้ง เหตุเพราะบ้านของท่านโอภาษีอยู่ที่ปากพนัง แต่ท่านก็ไม่ใด้เล่ารายละเอียดในช่วงเวลานั้นมากนัก จนต่อมาท่านโดนคดีความโดยท่านไม่ใด้กระทำผิด ท่านจึงต้องหลบหนีเจ้าหน้าที่ทางการไปพักหนึ่ง ทั้งๆที่ท่านเตรียมพร้อมที่จะมีคณะหนังตะลุงของท่านเอง จนเมื่อท่านหลบหนี ทุกคนจึงให้ฉายาท่านว่า (ไอ้เสือห้อง) จนเป็นที่เกรงกลัวและต้องการตัวของทางการ จนท่านต้องหลบหนีไปพักใหญ่

จนเมื่อปีพ.ศ.๒๕๐๐ พ่อท่านคล้าย วาจาสิทธ์ใด้มีโครงการริเริ่มก่อสร้างเจดีย์ใหญ่ที่วัดธาตุน้อย ด้วยจิตใจที่ท่านต้องการสร้างบุญกุศลเพื่ออุทิศบิดา มารดา จึงเดินทางไปช่วยพ่อท่านคล้าย ที่วัดธาตุน้อยเพื่อก่อสร้างเจดีย์ เมื่อไปถึงท่านก็ก้มลงกราบที่ฝ่าเท้าพ่อท่านคล้าย แต่พ่อท่านคล้ายใด้เอามือรองรับเอาใว้ไม่ให้ถึงเท้าท่านพร้อมกลับกล่าวประกาศต่อหน้าสาธารณะชนว่า

 หลวงพ่อท้วง คุณุตฺตโร

“ท่านผู้นี้มีวาสนาวาจาสิทธิ์ใด้เดินทางมาถึงแล้ว” พ่อท่านท้วง จึงถามกลับไปว่าเป็นท่านหรือ พ่อท่านคล้ายตอบกลับมาว่าเป็นท่าน จึงทำให้ชื่อเสียงท่านโด่งดังแต่นั้นมา อีกทั้งท่านใด้ไปหาท่านพระครูสุนทร วัดดินดอนเพื่อร่ำเรียนวิชามาด้วยซึ่งหลายท่านอาจยังไม่ทราบ มีหลักฐานที่รอยสักที่ข้อมือของท่านซึ่งเป็นคาถาที่ท่านพระครูสุนทรสั่งสอนท่านมา ถ้าไม่มีใครถามท่านก็คงไม่บอกเพราะ พ่อท่านท้วง ท่านค่อนข้างเก็บตัว

หลังจากช่วยพ่อท่านคล้ายสร้างเจดีย์ที่วัดธาตุน้อยเสร็จเรียบร้อยแล้ว พ่อท่านคล้ายจึงแนะนำว่าให้ท่านอุปสมบทจึงจะดีและสามารถครองสมณะเพศไปได้ตลอดอายุขัยและจะเจริญรุ่งเรื่องในพระพุทธศาสนา สามารถช่วยเหลือบุคคลทุกข์ยากทั่วไป พ่อท่านท้วงจึงได้อุปสมบทในพระพุทธศาสนาอีกครั้ง เมื่อพุทธศักราช ๒๕๐๙ ที่วัดนาควารี(หูล่อง) โดยมีท่านเจ้าคุณศรีธรรมภาณมุนี(แคล้ว) เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระสมุห์พ่วง อุปติสโส เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดพลอย ติสสโร เป็นพระอนุสาวาจารย์ ได้รับฉายาว่า “คุณุตฺตโร”

เมื่ออุปสมบทแล้วพ่อท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดนาควารีเป็นที่แรก และได้เรียนวิชาคาถาอาคมต่างๆจากท่านเจ้าคุณศรีธรรมภาณมุนี(แคล้ว) พระอุปัชฌาย์ของพ่อท่านซึ่งมีความเก่งกล้าไม่น้อย และตำราอาคมต่างๆของพ่อท่านแล้วก็ตกอยู่กับพ่อท่านท้วงหลายเล่ม บางเล่มก็ลอยมาตกตรงหน้าท่านโดยอัศจรรย์รวมถึงพระยันต์นอโม ที่บรรจุไว้ด้านหลังเหรียญรุ่นแรกด้วย และยันต์ที่ลงปลัดด้วยเช่นกัน และอีกหลายพระยันต์ที่ยังไม่ได้นำออกมาใช้ ล้วนแล้วแต่เป็นยันต์โบราณที่สืบทอดมาเฉพาะสายเท่านั้น

 หลวงพ่อท้วง คุณุตฺตโร

หลังจากบวชได้ ๒ เดือนพ่อท่านท้วงได้เดินทางไปกราบพ่อท่านคล้ายที่วัดธาตุน้อยอีกครั้งหนึ่งโดยไปกับพระภิกษุของวัดหูล่อง เมื่อไปถึง หลังจากราบพ่อท่านคล้ายแล้ว พ่อท่านเลยรดน้ำมนต์ให้ โดยพ่อท่านคล้ายใช้นำมนต์ตบ ที่ศีรษะ ของพระอีกองค์หนึ่ง แต่กับพ่อท่านท้วง พ่อท่านคล้ายกลับ เสกน้ำมนต์ใส่ในฝ่ามือ และ ประพรมให้เท่านั้น พ่อท่านท้วงเลยจับมือ พ่อท่านคล้ายเพื่อ ให้มาตบที่ศีรษะพ่อท่านท้วง แต่พ่อท่านคล้ายบอกว่า

“ทำไม่ได้ เพราะมีบุญบารมี เสมอกัน ทำแบบนั้นไม่ได้”หลังจากนั้นก็กลับไปจำพรรษาที่วัดหูล่อง มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีญาติโยมจากวัดหูล่อง มากราบพ่อท่านคล้ายที่วัดธาตุน้อยเพื่อขอพร หลังจากกราบพ่อท่านแล้ว พ่อท่านเลยถามญาติโยมกลุ่มนั้นว่ามาจากไหน ทางกลุ่มญาติโยมได้แจ้งพ่อท่าน คล้ายว่า “มาจากวัดหูล่อง พ่อท่านคล้ายเลยบอกว่า “ที่วัดหูล่องก็มีพระเก่ง วาจาสิทธิ์อยู่องค์หนึ่ง ไปกราบองค์นั้นก็ได้ เหมือนมากราบพ่อท่านนั่นแหละ”

หลังจากญาติโยมกลุ่มนั้นกลับไปวัดหูล่องแล้วก็ได้เข้าไปในวัดหูล่องเพื่อมาตามหาพระองค์นั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นองค์ไหนเลยนั่งอยู่ในวัดตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น และได้เห็นว่ามีอยู่กุฏิหนึ่ง มีคนเข้าออกตลอดเวลาไม่ขาดเลย จึงถามพระลูกวัดว่ากุฏินั้นพระชื่ออะไร พระลูกวัดเลยบอกว่าชื่อท่านท้วง ทางญาติโยมกลุ่มนั้นเลยรู้ว่าพระที่พ่อท่านคล้ายหมายถึงที่วัดหูล่อง ก็คือพ่อท่านท้วงนั่นเอง

พ่อท่านท้วง คุณุตตโร

หลังปรนนิบัติรับใช้พระอุปัชฌาย์ได้ไม่นาน พ่อท่านแคล้ว พระอุปัชฌาย์ของพ่อท่านได้สิ้นบุญลง แต่ก่อนที่พ่อท่านแคล้ว จะสิ้นบุญท่านได้พูดไว้ว่า “ หลังจากเราสิ้นบุญแล้ว ท่านท้วงจะอยู่ลำบากที่วัดนี้ ” ตอนนั้นที่วัดหูล่องมีพ่อท่านแปลก เป็นเจ้าอาวาสอยู่ หลังจากการที่พ่อท่านแคล้วสิ้นบุญไปแล้ว พ่อท่านท้วงก็อยู่ลำบากจริง

เพราะมีญาติโยมต่างทราบถึงความวาจาสิทธิ์ จึงมาหาพ่อท่านท้วงกันมาก ทำให้กุฏิของพ่อท่านท้วงไม่เคยว่างเว้นจากญาติโยมเลย ทั้งมาขอของดี ขอพร และให้พ่อท่านดูของหายให้บ้าง ของขลังส่วนใหญ่ที่พ่อท่านท้วงแจกไปตอนที่อยู่วัดหูล่อง ส่วนใหญ่จะเป็น ปลัดขิก ตะกรุด ผ้ายันต์ โดยเฉพาะปลัดขิกของท่านจะดังมากเมื่อพ่อท่านท้วงแจกตอนอยู่วัดหูล่อง

หลังจากนั้นมีพระลูกวัดองค์หนึ่ง ได้ไปฟ้อง พ่อท่านแปลก ว่าพ่อท่านท้วงประพฤติ ปฏิบัติ ผิดวินัยสงฆ์ ชอบอวดอ้าง อวดฤทธิ์ และพูดเรื่องต่ำๆ จะให้อยู่วัดนี้ไม่ได้ พ่อท่านแปลกเลยเรียกพ่อท่านท้วงเข้าไปคุย และจะให้พ่อท่านท้วงออกจากวัด

พ่อท่านท้วงได้แก้ข้อกล่าวหาว่า ไม่เป็นความจริง แต่ทางพ่อท่านแปลก ก็ยังยืนยันตามพระลูกวัดเหมือนเดิม และให้พ่อท่านท้วงออกจากวัดหูล่องเสีย พ่อท่านท้วงเลยต้องจำเป็นที่จะต้องออกจากวัดหูล่อง แต่ก่อนออกจากวัด พ่อท่านท้วงได้ลั่นวาจาไว้ อย่างหนึ่ง แล้วรุ่งขึ้นอีกวัน พ่อท่านก็ได้ออกจากวัดหูล่อง

 หลวงพ่อท้วง คุณุตฺตโร

แต่ก่อนที่พ่อท่านท้วงจะถูกกล่าวหา มีอยู่วันหนึ่ง มีพระจากวัดหูล่อง ๓ องค์จะไปบอกฎีกาญาติโยมที่กรุงเทพ กำลังจะเดินออกจากวัดไปกรุงเทพ พ่อท่านท้วงนั่งอยู่กับญาติโยมบนกุฏิ ญาติโยมถามพ่อท่านท้วงว่า พระทั้ง ๓ องค์จะไปไหนกัน พ่อท่านท้วงบอกว่าจะไปกรุงเทพ แต่จะกลับกันมาแค่ ๒ องค์ และใส่หีบกลับมาองค์หนึ่ง หลังจากนั้น

ปรากฏว่า ๑ ใน ๓ องค์ นั้น ถูกรถชนที่กรุงเทพสิ้นบุญไป ๑ องค์ต้องใส่หีบศพกลับมาจริงๆเหมือนวาจา ที่พ่อท่านท้วงได้พูดไว้ไม่ผิดไปเลย มีเหตุการณ์แปลกประหลาดอย่างหนึ่ง หลังจากพ่อท่านท้วงออกจากวัดหูล่องแล้ว ปรากฏว่าฟ้าได้ผ่าหลังคาโบสถ์ด้านทิศตะวันตก ๑ ครั้ง พอซ่อม เกือบจะเสร็จ ฟ้าได้ผ่าหลังคาโบสถ์ทิศตะวันออกจนพังอีก เป็นเรื่องแปลกมากพ่อท่านท้วงได้อยู่ที่วัดหูล่องตั้งแต่ปี ๒๕๐๙- ๒๕๑๔

พ.ศ.๒๕๑๔ พ่อท่านท้วงได้ออกจากวัดหูล่องมาจำพรรษาอยู่ที่วัดนาวง แถวๆท่าซัก ปากนคร ซึ่งตอนนั้นมีพระใบฎีกาส้วง อุตโม เป็น เจ้าอาวาสอยู่ ช่วงที่อยู่วัดนาวงก็เหมือนที่อยู่วัดหูล่อง มีญาติโยมมากราบพ่อท่านท้วงกันเต็มกุฏิเหมือนเดิม ทั้งขอพร รดน้ำมนต์ ขอของขลัง ดูของหาย ฯลฯ และพ่อท่านท้วงได้ชวนท่านสถิตซึ่งเป็นน้องชายต่างมารดา ซึ่งมาบวชในบวรพระพุทธศาสนาด้วย และได้ตามหาพ่อท่านท้วงอยู่นาน

พ่อท่านท้วง คุณุตตโร

เพราะหลังจากพ่อท่านออกจากวัดหูล่อง ก็ไม่ได้ข่าวอีกเลย ว่าพ่อท่านท้วงจำพรรษาที่วัดไหน เลยได้บวชและออกตามหาและได้มาเจอที่วัดนาวงโดยบังเอิญ โดยพ่อท่านสถิตได้เล่าให้ฟังว่า ตามหาพ่อท่านท้วงมานานแล้วแต่ไม่พบเลยและคืนหนึ่งได้มาตามหาที่วัดเขาปูน ที่พรหมคีรีและได้จำวัตรอยู่ในกุฏิ หน้ากุฏิมีญาติโยมมานั่งคุยกันเต็ม คุยกันเรื่องพระในเมืองคอน

มีอยู่ตอนหนึ่ง ญาติโยมคนหนึ่งได้คุยขึ้นมาว่า มีพระอยู่องค์หนึ่งเก่งมาก ไม่มีใครเก่งเกินพระองค์นี้แล้วอยู่ วัดนาวง ของญาติโยมคนนี้หาย ไปให้ท่านดูให้ ท่านดูได้ถูกหมด อะไรอยู่ในบ้าน ตั้งอยู่ตรงไหน พ่อท่านองค์นี้ ดูแม่นเหมือนตาเห็น ชื่อท่านห้วง หรือท้วงจำไม่ได้ ได้ยินดังนั้น ท่านสถิตได้ออกมาจากกุฏิและได้ถามญาติโยมคนนั้นว่า ตอนนี้พระองค์นั้น ได้จำพรรษาอยู่วัดนาวงอีกหรือเปล่า ท่านไปดูของหายนานหรือยัง ญาติโยมแจ้งมาว่า เพิ่งไปดูมา

และพ่อท่านองค์นั้น ก็ยังอยู่วัดนาวง หลังจากนั้นรุ่งเช้า หลังจากฉันท์ข้าวเสร็จ ท่านสถิต ก็เลยเดินทางไปวัดนาวง และก็ได้เจอกับพ่อท่านท้วงจริงๆ และ ก็ได้จำพรรษากับพ่อท่านท้วงที่วัดนาวงด้วย หลังจากจำพรรษาอยู่วัดนาวงได้ ๒ พรรษา ก็ได้มีญาติโยมที่ศรัทธาพ่อท่านท้วงได้มานิมนต์พ่อท่านไปอยู่วัดป่าขอม ซึ่งอยู่ในเมือง พ่อท่านท้วงอยู่วัดนาวง ๒ พรรษา คือตั้งแต่ปี ๒๕๑๔-๒๕๑๖

พ.ศ.๒๕๑๖ ก็ได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดป่าขอม ในเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งตอนนั้น มีพระปลัดแป้น ติสโส เป็นเจ้าอาวาสอยู่ ตามที่ญาติโยมที่ศรัทธาได้นิมนต์มา เมื่อมาอยู่วัดป่าขอม ก็เหมือนเดิม ญาติโยมก็มาหาพ่อท่าน กุฏิก็ไม่เคยว่างเหมือนเดิม หลังจากนั้น

 หลวงพ่อท้วง คุณุตฺตโร

มีญาติโยมที่มาจากคลองแคว มาแจ้งกับพ่อท่านท้วงว่า ที่คลองแควมีสำนักสงฆ์อยู่ แต่มีพระน้อย ไม่รู้จะไปทำบุญกันที่ไหน เลยมานิมนต์พ่อท่านท้วงให้ไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์คลองแคว พ่อท่านท้วงจึงรับปาก และได้เดินทางไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์คลองแคว พ่อท่านท้วงจำพรรษาอยู่วัดป่าขอมตั้งแต่ปี ๒๕๑๖-๒๕๒๘ รวม จำพรรษาที่วัดป่าขอม ๑๒ พรรษา

พ.ศ.๒๕๒๘ พ่อท่านท้วง ก็ได้มาจำพรรษาอยู่สำนักสงค์คลองแคว โดยมีพ่อท่านสถิตได้ติดตามมาจำพรรษาด้วย ช่วงแรกๆที่มาจำพรรษาที่สำนักสงค์คลองแคว ก็มีปัญหากับพระที่จำพรรษาอยู่ก่อนพอสมควร แต่พ่อท่านก็ได้เอาชนะอุปสรรค ต่างๆมาได้ด้วยดี มีชาวบ้านได้ถวายบ้านให้พ่อท่านท้วงหนึ่งหลัง เพื่อมาเป็นกุฏิที่พักอาศัย  ซึ่งมีพ่อท่านสถิต เป็นเจ้าสำนักสงฆ์คลองแคว เพราะพ่อท่านท้วงไม่รับตำแหน่งนี้ เมื่อมาอยู่สำนักสงฆ์คลองแคว

พ่อท่านเป็นที่พึ่งพาอาศัยของพุทธบริษัททั่วไปไม่เลือกชั้นวรรณะ บรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้านตลอดมา และเรื่องทายใจคนเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเคยสัมผัสรับรู้ได้ทุกคน และวัตรปฏิบัติของท่านที่ทุกคนรู้กันดี คือ ฉันท์อาหารมื้อเดียวโดยนั่งกับพื้น ฉันท์กับมือ หันหน้าไปทิศตะวันออกเท่านั้นและท่านไม่รับกิจนิมนต์นอกวัดเลยและที่สำคัญพ่อท่านไม่เคยสรงน้ำเลย ออกจากวัดก็เฉพาะบิณฑบาตอย่างเดียว

มณฑปพ่อท่านท้วง  ณ สำนักสงฆ์คลองแคว อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช

ด้วยสังขารเข้าสู่วัยชรา ประกอบกับมีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียด เบียนบ้างในบางคราว พ่อท่านไม่ออกบิณฑบาตแล้ว โดยมีญาติโยมนำอาหารมาถวาย บางวันก็มีมาก บางวันก็มีน้อย ฉันท์ได้บ้าง ไม่ได้ฉันท์บ้างบางครั้งแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยขาดคือ พ่อท่านยังโปรดญาติโยมด้วยความเมตตา อยู่ตลอด ไม่เคยแบ่งชั้น วรรณะ ยกเว้นกรณีลุกขึ้นนั่งไม่ไหวจริงๆที่จะไม่ได้โปรดญาติโยมและลูกศิษย์ลูกหา พ่อท่านท้วง คุณุตตโร ท่านละสังขาร เมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๕๘ สิริอายุรวม ๙๐ ปี

พ่อท่านท้วง คุณุตฺตโร อริยะสงฆ์ผู้ละแล้วซึ่งกิเลสทั้งปวง  เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป สิ่งที่เหลืออยู่ นั่นคือ  ธรรมแห่งความบริสุทธิ์   ขอเรียนเชิญศิษยานุศิษย์ ผู้ศรัทธาทุกท่าน ร่วมกราบสรีรสังขารพ่อท่านท้วง เพื่อเป็นสิริมงคล ณ มณฑปพ่อท่านท้วง  ณ สำนักสงฆ์คลองแคว อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ได้ทุกวัน ตั้งแต่ ๘.๐๐น. – ๑๗.๐๐น.

เรียบเรียง