ฟังเรื่องราวดี ๆ จากประสบการณ์อาชีพขับแท็กซี่ ของสาวน้อยจบจุฬาฯ ท่านนี้

993
views
เรื่องเล่าจาก'แท็กซี่สาว'

..คุณแก้ว-วรรณกวี อยู่วัฒนา อายุ 36 ปี เรียนจบจากคณะอักษรศาสตร์ ภาควิชาศิลปการละคร จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บัณฑิตสาวผู้เลือกขับแท็กซี่เลี้ยงชีพ เธอถ่ายทอดได้น่าติดตาม ขอบคุณที่แบ่งปันมาฟังเรื่องเล่าจากเธอกันเลยค่ะ

….“เราเริ่มขับแท็กซี่เมื่อกลางปีที่แล้ว แต่ละวันเจอคนไม่ซ้ำหน้า เคยเจอพระรูปหนึ่งขึ้นจากแถวสีลมไปโรงพยาบาลสงฆ์ เราชวนหลวงพ่อคุย ท่านเล่าว่ามาจากปัตตานี วันนี้จะมาหาหมอ แล้วตั้งใจจะชวนคนไปจำวัดที่นั่นด้วย ท่านพูดว่า ‘วัดที่ปัตตานีกำลังขาดพระ พระหนีกลับกันหมดแล้ว ก็กลัวตายกันเนอะ’ หรือผู้หญิงคนหนึ่งเล่าว่า ตอนวัยรุ่นทำงานคุมก่อสร้าง เงินเยอะ เที่ยวแหลก แถวบ้านก็เต็มไปด้วยยาเสพติด เราเล่าแบบนี้จะออกสื่อได้ไหม (หัวเราะ) เขาเล่าประสบการณ์เล่นยาแบบต่างๆ ให้ฟัง แล้วบอกว่า ‘สมัยก่อนยาเสพติดบริสุทธิ์นะ ลองก็แค่ลอยๆ แต่สมัยนี้สกปรกแล้ว’ ฯลฯ ประสบการณ์แบบนี้นะ ถ้าไม่ได้ขับแท็กซี่คงยากที่ใครจะมาเล่า เราก็แค่รับฟัง ไม่ได้ตัดสินอะไร

เรื่องเล่าจาก'แท็กซี่สาว'

“เราเคยรับน้องคนหนึ่งกับคุณยาย เขาท่าทีแปลกๆ ตั้งแต่ก่อนขึ้น โบกแบบตั้งใจมาก พอเห็นว่าผู้หญิงขับ เขาตกใจ หันไปถามคุณยายว่า ‘ทำไมคนขับเป็นผู้หญิงล่ะ คนขับแท็กซี่ต้องเป็นผู้ชายสิ’ เขารูปร่างเหมือนเด็ก ม.ปลาย แต่การแสดงออกเหมือนเด็กเล็ก ยายก็สอนว่า ‘คนขับแท็กซี่ผู้หญิงก็มีนะ เยอะแยะไปลูก’ เด็กก็มาถามเรา ‘พี่เป็นผู้หญิง ทำไมถึงมาขับรถล่ะ’ เราเลยได้คุยกันต่อ ‘ขับได้สิ ผู้ชายหรือผู้หญิงก็ขับได้ ทุกอาชีพแหละ’ น้องรับฟังนะ มองหน้าเรา แล้วดูว่าขับรถยังไง คุณยายก็พูดกับเราว่า ‘ไม่ต้องใส่ใจนะ น้องเป็นเด็กออทิสติก’ เราคุยกันเรื่องอื่นต่อ คุณยายเล่าให้ฟังว่า ‘เด็กรู้เรื่องนะ สัญญาอะไรไว้จำแม่นมาก ยายเคยสัญญาว่าจะพาไปโลตัส เขาจำได้ก็ทวงทุกวันเลย’

“ผู้หญิงคนหนึ่งต้องไปฟอกไตทุกวันอังคารและวันศุกร์ เขานัดให้เราไปรับตอนตีห้าสิบนาที ฟอกไตครั้งละสามสี่ชั่วโมง ก็เจ็บน่ะ เขาเล่าว่า ‘ทรมานนะ เบื่อจังเลยชีวิตแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะไปหยุดตอนไหน’ ด้วยข้อจำกัดของร่างกาย เขาเลยทำบางอย่างไม่ได้ แต่คุยแล้วไม่ได้รู้สึกว่าท้อแท้อะไร นอกจากรับไปโรงพยาบาล บางวันให้เราพาไปปาร์ตี้กับเพื่อน โทรมาบอกว่า ‘ช่วยพาไปร้านอาหารหน่อย’ อาทิตย์ต่อมาก็ไปร้านเดิม แต่เจอกับเพื่อนอีกกลุ่ม เขาอายุสักเจ็ดสิบแล้ว ถึงร่างกายจะป่วยแค่ไหน แต่เราไม่จำเป็นต้องจมอยู่กับมัน เจ็บและทรมานก็จริง แต่เท่าที่ไหวก็ยังอยากเจอผู้คนนะ เขาเล่าว่าเวลาไปปาร์ตี้กินอะไรไม่ค่อยได้เลย แต่ก็แอบหมอกินบ้างนิดหน่อย (หัวเราะ)

เรื่องเล่าจาก'แท็กซี่สาว'

“เราเรียนและเคยทำงานด้านละครมา การแสดงไม่ใช่พยายามจะเป็น แต่เป็นการทำความเข้าใจและเลียนแบบมนุษย์ให้สมจริงที่สุด คือแสดงให้เหมือนไม่แสดง เราต้องศึกษาตัวละครตามบท ทำให้มุมมองในชีวิตจริงเปลี่ยนไปด้วย เราไม่ได้ตัดสินว่าเขาทำอะไรผิดทันที แต่พยายามหาคำตอบว่า ทำไมเขาถึงทำแบบนั้น คนที่เลวที่สุดก็มีเหตุผลที่จะทำสิ่งนั้น มันทำให้เราเข้าใจมนุษย์และเข้าใจโลกมากขึ้น เมื่อก่อนเราศึกษาคนผ่านบทละคร การขับแท็กซี่ก็ทำแบบเดียวกันนะ เขาแชร์ประสบการณ์ในช่วงสั้นๆ แล้วแยกจากกัน แต่ไม่ใช่การแสดง มันจริงยิ่งกว่าจริง เป็นการทำความเข้าใจมนุษย์ที่นำไปใช้กับงานละครได้ด้วย”

ติดตามเรื่องราวของเธอได้ที่ Kaew’s Taxi

ขอบคุณเพจ: มนุษย์กรุงเทพ